“เอ็มดี” ช.การช่าง ยืนยันบริษัทยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน ลั่นโครงสร้างเงินทุนแข็งแกร่ง พร้อมยอมรับอยู่ระหว่างศึกษาตั้งกองทุนอินฟราฯ คาดรายได้ปีนี้แตะ 3.6 หมื่นล้านบาท
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่า ในช่วงปีนี้ถึงปีหน้าบริษัทไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน เนื่องจากมีเงินทุนเพียงพอที่จะใช้ในการขยายธุรกิจ โดยในปีนี้โครงสร้างรายได้งานก่อสร้างของบริษัทจะมาจากภาครัฐบาล เช่น 1.โครงการรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ มอเตอร์เวย์ เป็นต้น 2.งานภาครัฐบาลร่วมลงทุนกับเอกชน เช่นโครงการทางด่วน โครงการไฟฟ้าพลังน้ำ โครงการไฟฟ้าพลังงานทดแทน โครงการน้ำประปา เป็นต้น และ 3.งานเอกชน เช่น โครงการที่อยู่อาศัย งานอาคารสำนักงาน งานโรงพยาบาล เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าบริษัทความสนใจที่จะจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องที่บริษัทมีความเร่งรีบ และจะต้องจัดตั้งในเร็วๆ นี้ เพราะปัจจุบันบริษัทยังมีเงินทุนในการขยายธุรกิจในระดับที่เพียงพอ
ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงนี้ราคาหุ้นของบริษัทจะปรับลดลง แต่เชื่อว่าเป็นไปตามภาวะตลาดรวม ในขณะที่โครงสร้างเงินทุนแข็งแกร่ง ส่วนผู้ถือหุ้นเติบโตเท่าตัว รายได้เติบโตก้าวกระโดด ดังนั้น จึงเชื่อว่าหากสภาวะตลาดเข้าสู่ปกติราคาหุ้นจะกลับมาดีเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน บริษัทเตรียมจะโรดโชว์นักลงทุนสถาบันในประเทศในระหว่าง 25-31 ก.ค. และในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. บริษัทจะจัดโรดโชว์แก่นักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความสนใจเป็นอย่างดี
นายประเสริฐ มริตตนะพร กรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 2/56 คาดว่าจะมีรายได้รวม 8 พันล้านบาท โดยเป็นรายได้จากงานก่อสร้าง 7 พันล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น 8-10% และจะรับรู้กำไรจากการขายหุ้น บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) ประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งขายไปในสัดส่วน 7.97% ที่ราคาหุ้นละ 1.15 บาท
อย่างไรก็ตาม รายได้ในไตรมาส 2/56 ยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/56 ที่มีรายได้รวม 14,506 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากงานก่อสร้าง 8,092 ล้านบาท และรายได้จากการลงทุน 6,024 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 10.24% และรายได้จากการขายหุ้น บมจ.น้ำประปาไทย (TTW) ในสัดส่วน 11% ที่ราคาหุ้นละ 7.55 บาท
สำหรับเป้าหมายในปี 56 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวม 3.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมาจากรายได้งานก่อสร้าง 3 หมื่นล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะรักษาระดับ 8-10% ไว้ได้ และจะมีกำไรจากการปรับปรุงรายการบัญชี หลังลดสัดส่วนการถือหุ้นใน บมจ.ซีเคพาวเวอร์ (CKP) จาก 38% เหลือ 31.8% และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีงานใหม่เข้ามาประมาณ 26,000 ล้านบาท ส่งผลให้งานในมือ (backlog) ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 แสนล้านบาท