คลังเตรียมถกแบงก์ชาติ ดันมาตรการใหม่แก้ไขหนี้นอกระบบ ปัดฝุ่นประกาศคณะปฏิวัติ ปว.58 ไฟเขียวนิติบุคคลปล่อยกู้ให้ประชาชน 3-5 หมื่นบาท เปิดช่องโขกดอกเบี้ยได้เกิน 15% ต่อปี แต่ไม่มีสิทธิระดมเงินฝากได้เหมือนสถาบันการเงินทั่วไป ดีเดย์ 1-2 เดือนนี้
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า หนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา ก็คือการช่วยแก้ไขหนี้นอกระบบ โดยกระทรวงคลังจะหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดรายละเอียดเพื่อให้ดำเนินการได้ภายใน 1-2 เดือนนี้
สำหรับมาตรการแก้ไขหนี้นอกระบบก็คือ จะให้นิติบุคคลสามารถปล่อยกู้ให้แก่ประชาชนได้ตั้งแต่ 3-5 หมื่นบาท คิดอัตราดอกเบี้ยเกิน 15% ต่อปีได้ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะต้องกำหนดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ หรืออัตราดอกเบี้ยสูงสุดได้ไม่เกินเท่าไร
นายสมชัย กล่าวว่า การให้นิติบุคคลปล่อยกู้ได้จะใช้อำนาจตามประกาศของคณะปฏิวัติ ปว.58 เพื่อให้การดำเนินการได้รวดเร็ว โดยไม่ต้องออกกฎหมายใหม่ ส่วนนิติบุคคลที่ปล่อยกู้ให้แก่ประชาชนจะห้ามระดมเงินฝากจากประชาชน เหมือนกับสถาบันการเงินทั่วไป
“การให้นิติบุคคลปล่อยกู้ก็เพื่อให้ประชาชนไม่ต้องไม่กู้เงินนอกระบบอีกต่อไป และยังทำให้ผู้ที่ปล่อยกู้นอกระบบให้เข้ามาอยู่ในระบบ เพราะการให้แรงจูงใจคิดอัตราดอกเบี้ยได้มากกว่า 15% ต่อปี เหมือนกับธนาคารพาณิชย์ที่ปัจจุบันก็ปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยเกิน 15% ต่อปี” นายสมชัย กล่าว
นอกจากนี้ คลังอยู่ระหว่างการผลักดันกฎหมายการทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรม ที่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม. แล้ว อยู่ระหว่างการให้สภาพิจารณา ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการกำกับดูแลเจ้าหนี้ให้ทวงติดตามลูกหนี้อย่างเป็นธรรม ไม่เกิดกรณีโหดร้าย หรือมีการประจานให้เกิดความเสียหายเกิดขึ้นเหมือนในปัจจุบัน
ส่วนการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นนั้น อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลของแต่ละหน่วยงานทั้ง ธปท. สำนักงานสถิติแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เบื้องต้นพบว่าข้อมูลที่ได้ยังไม่ตรงกัน แต่ถึงแม้ว่าหนี้ครัวเรือนจะพุ่งสูงขึ้นแต่ก็ยังไม่มีผลกระทบมากนัก เนื่องจากรายได้ของครัวเรือนก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งหนี้เสียของสถาบันการเงินก็อยู่ระดับต่ำไม่เกิน 2% จากหนี้ทั้งระบบ และการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 1% ต่อปีจาก 4-4.5% เป็น 5-5.5% ต่อปี
