“กิตติรัตน์” การันตี “หนี้ครัวเรือน” ไม่น่าห่วง เพราะประชาชนซื้อ “สินทรัพย์” ไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย ส่วนการโกงภาษี หากพบข้าราชการเข้าไปมีเอี่ยวจะดำเนินการเด็ดขาด ไม่ยกเว้น ยอมรับมี จนท.สรรพากร เกี่ยวข้องจริง
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการดำเนินงานของโครงการธนาคารประชาชน โดยยอมรับว่า ที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะสามารถแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของประชาชนในระดับฐานรากได้มากขึ้น ซึ่งเป็นหนี้ในระบบสถาบันการเงินของประชาชนเหล่านั้นมาจากการซื้อทรัพย์สิน เช่น บ้าน ที่ดิน และรถยนต์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เพิ่มมูลค่า ไม่ได้มาจากการจับจ่ายสินของฟุ่มเฟือย
ดังนั้น จึงมั่นใจว่าหนี้ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือนอย่างแน่นอน แต่จะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ขณะที่มองว่าการแก้ไขนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ในการลงทะเบียนผู้เป็นหนี้นอกระบบนั้น ไม่เกิดประโยชน์ที่แท้จริง เนื่องจากไม่มีเจ้าหนี้และลูกหนี้เข้ามาลงทะเบียนเพื่อขอแก้ไขหนี้นอกระบบ แต่กลับมีลูกหนี้มาขึ้นทะเบียนเพื่อแก้หนี้และนำเงินไปใช้จ่ายในส่วนอื่นแทน
ส่วนความคืบหน้ากรณีการขอคืนภาษี โดยใช้หลักฐานเท็จที่สร้างความเสียหายให้แก่รัฐ เป็นเงินกว่า 3,000 ล้านบาทนั้น ในขณะนี้อยู่ในกระบวนการการตรวจสอบ และขั้นตอนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ที่ใกล้จะได้ขอสรุปแล้ว ซึ่งอาจมีการร้องทุกข์กล่าวโทษในเร็วๆ นี้ ได้แน่นอน
ทางกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า หากมีข้าราชการเข้ามาเกี่ยวข้องจะดำเนินการข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นโดยไม่มีข้อยกเว้น สำหรับกรณีดังกล่าวนั้น เกิดจากการทุจริตขอคืนภาษีส่งออก ทั้งที่ไม่ได้ส่งออกจริงทำให้รัฐเสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท โดยมีผู้เข้าร่วมขบวนการกว่า 30 ราย และมีเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งจะดำเนินการอย่างเต็มที่