xs
xsm
sm
md
lg

DNA ปลื้มกำไรพุ่ง 62% ทุ่ม 100 ล. ซื้อ “มิสเตอร์บัน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ดีเอ็นเอ 2002” โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สุดแกร่ง รายได้โต 35.52% ส่วนกำไรสุทธิเติบโตถึง 61.81% โดยมีรายได้ 431.09 ล้านบาท กำไรสุทธิ 24.48 ล้านบาท รวมครึ่งปีแรกกวาดรายได้ 873.84 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติให้เข้าซื้อกิจการ “มิสเตอร์บัน” ในมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท โดยออกหุ้นเพิ่มทุน 33.33 ล้านหุ้น กับเงินสดอีก 10 ล้านบาท เพื่อแลกหุ้นทั้งหมดในบริษัท บัน และให้กองทุนเอ็นทีเอเชี่ยนฯ และโรตี บอยฯ เข้าถือหุ้น DNA และออกหุ้นเพิ่มทุนอีก 40 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการร่วมทุนกับพันธมิตรอื่นในอนาคต มั่นใจรายได้ปีนี้โต 30-40%

นายสามารถ ฉั่วศิริพัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ DNA ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ประเภทภาพยนตร์ เพลง และนิตยสาร ที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ผ่านช่องทางร้านค้าปลีก เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2556 (เมษายน-มิถุนายน) ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการบริการ 431.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้ 318.10 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 24.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.35 ล้านบาท หรือคิดเป็น 61.81% จากงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ทำกำไรสุทธิ 15.13 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ที่เติบโตขึ้นนั้น มาจากการเติบโตของจำนวนจุดขายร้านดีเอ็นเอที่เพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 มีจุดขายทั่วประเทศรวมกัน 1,283 จุด รวมถึงการก้าวเข้าสู่ธุรกิจต้นน้ำที่เป็นผู้นำเข้าลิขสิทธิภาพยนตร์ต่างประเทศเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ก่อนนำมาผลิตและจำหน่ายรูปแบบสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ มีช่องทางสร้างรายได้จากการจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์ รวมถึงเพิ่มยอดขายแผ่นดีวีดี และวีซีดีให้สูงขึ้นอีกด้วย

นายสามารถ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เข้าซื้อกิจการของบริษัท บัน จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ “มิสเตอร์บัน” (mr bun) ขนมปังอบซึ่งเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในประเทศไทย มีสาขาถึง 35 สาขา และอีก 23 แฟรนไชส์ ในมูลค่าที่ตกลงกันประมาณ 100 ล้านบาท โดยจะขอมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อออกหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 33,333,320 หุ้น แลกกับหุ้นที่ผู้ถือหุ้นเดิมถืออยู่ในบริษัท บัน ทั้งหมด ร่วมกับเงินสดอีก 10 ล้านบาท

“ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท บัน ซึ่งหลักๆ ก็คือ เอ็นทีเอเชี่ยน ดิสคัฟเวอรี่ มาสเตอร์ ฟันด์ ซึ่งเป็นกองทุนระดับโลกที่ลงทุนในตลาดเกิดใหม่หลายประเทศ และบริษัทโรตี บอย เบคชอป (ประเทศไทย) จำกัด จะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นดีเอ็นเอ ซึ่งราคาหุ้นที่ตกลงกันนั้น ทางคณะกรรมการก็ดูแลให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นดีเอ็นเอมากที่สุด มูลค่าซื้อขายประมาณ 100 ล้านบาท จึงใช้หุ้นเพียง 33 ล้านกว่าหุ้น กับเงินสดอีก 10 ล้านบาท โดยหุ้นที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นของมิสเตอร์บันนี้ มีเงื่อนไขห้ามขายในช่วงระยะเวลาหนึ่งด้วย” นายสามารถกล่าว

ทั้งนี้ รายการดังกล่าวจะขอมติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 19 กันยายนนี้ ซึ่งมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาใด เพราะธุรกิจมิสเตอร์บันนี้มีศักยภาพในการสร้างรายได้ และกำไรให้แก่บริษัทได้ดี นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังให้เสนอผู้ถือหุ้นเพื่อออกหุ้นเพิ่มทุนที่จะจัดสรรเป็นการทั่วไปอีก 40 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการลงทุน หรือร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจในอนาคต

กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2556) ด้วยว่า บริษัทฯ มีรายได้ 873.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 248.25 ล้านบาท หรือคิดเป็น 39.68% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 625.58 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 40.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.18 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21.66% เทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา

“ผลประกอบการไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกปีนี้ของ DNA ที่มีรายได้ และกำไรที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าสื่อโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ของ DNA ที่มีความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคุลมลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ และมีสินค้าความบันเทิงที่หลากหลาย ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าความบันเทิงในรูปแบบดีวีดี และวีซีดีเพื่อไปรับชมที่พักอาศัยเพิ่มขึ้น” นายสามารถกล่าว

โดยส่วนแผนงานครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จะใช้จุดแข็งด้านช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมุ่งเพิ่มความหลากหลายให้แก่ตัวสินค้า และการบริการเพื่อเสริมศักยภาพในการสร้างรายได้ และกำไรจากช่องทางการจัดจำหน่ายให้มากขึ้น และยังได้แสวงหาพันธมิตรที่จะช่วยเสริมสร้างรายได้ และกำไรที่ดีให้แก่บริษัทฯ ทั้งนี้ คาดว่าจากแผนงานดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการผลักดันรายได้ของ DNA ในปีนี้ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 30-40% ตามเป้าหมายที่วางไว้


กำลังโหลดความคิดเห็น