xs
xsm
sm
md
lg

คาด 2 สัปดาห์เห็นภาพการเมืองชัดเจน “แบงก์-โบรกฯ” ซ้อมแผนฉุกเฉินรับมือสถานการณ์สุกงอม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“แบงก์-โบรกฯ” เตรียมแผนรับมือการเมืองใกล้จุดเดือด 6-7 ส.ค.นี้ ยอมรับการเมืองไทยอยู่บนความขัดแย้งมาเป็นเวลานานแล้ว ซักซ้อมสาขาในพื้นที่เสี่ยงจนชำนาญ มั่นใจระบบเดินหน้าได้ตามปกติ คาดภายใน 2 สัปดาห์ น่าจะเห็นภาพทิศทางที่ชัดเจน “จิตติ” เผยร้านทองย่านเยาวราชยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่หากมีความรุนแรงก็พร้อมปิดทันที ขณะที่นักลงทุนจับตาท่าทีม็อบประกาศเคลื่อนไหว และสถานการณ์ที่ถึงจุดตึงเครียด หลังฝ่ายรัฐบาลยืนยันเดินหน้า พ.ร.บ.นิโทษกรรม แถมออกข่าวคนเข้าร่วมหลักพัน หวังท้าทายกลุ่มผู้ชุมนุม

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ยังไม่กระทบต่อธุรกิจมากนักโดยต้องขึ้นอยู่กับความรุนแรงที่เกิดขึ้น เนื่องจากการเมืองไทยอยู่บนความขัดแย้งมาเป็นเวลานานแล้ว ในส่วนของธนาคารก็ได้มีการเตรียมความพร้อมในสาขาต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงเป็นอย่างดี ตามแผนบริหารความต่อเนื่องหรือ “Business Continuity Plan (BCP)” ซึ่งได้ซักซ้อมจนเกิดความเชี่ยวชาญจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ทั้งการชุมนุมที่เคยเกิดขึ้น หรือเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ สำนักวิจัยทิสโก้ ยอมรับว่า ตลาดหุ้นช่วงนี้ซบเซา เห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อติดรอดูในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ที่กลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะมีการเคลื่อนไหว หลังจากฝ่ายรัฐบาลยืนยันว่า จะเสนอร่าง พ.ร.บนิโทษกรรมให้สภาพิจารณาในวันดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยกกดันจากค่าเงินบาทที่มีทิศทางอ่อนค่าลง โดยทั้ง 2 ประเด็นข้างต้นส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุน

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีโอกาสที่จะชะลอตัวลงเพราะผลกระทบทางการเมือง ประกอบกับไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก ทำให้ยังมีความผันผวนค่อนข้างสูงในช่วงครึ่งหลังของปี โดยในขณะนี้นักลงทุนยังรอดูสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง โดยในช่วง 2 สัปดาห์นี้จะเห็นความชัดเจนมากขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่าปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นล้านบาทต่อวัน เทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่เฉลี่ยประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาทต่อวัน

นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1,570 จุด โดยมี อัตราส่วนราคาต่อรายได้ หรือ P/E Ratio อยู่ที่ 14.8 เท่า และการเติบโตของรายได้อยู่ที่ 20% ส่วนปีหน้าคาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะไปถึงระดับ 1,700 จุดในช่วงสิ้นปี ส่วนการเติบโตของรายได้จะโตลดลงอยู่ที่ 14%

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มตึงเครียดในขณะนี้นั้น ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายทองคำในย่านเยาวราช แต่หากมีประเด็นทางการเมืองที่ร้อนแรงเกิดขึ้นจริง ร้านค้าทองคำที่อยู่ในย่านการชุมนุมก็พร้อมที่จะปิดทำการ เหมือนกับทุกครั้งที่เกิดความรุนแรงจากการชุมนุมทางการเมือง

“ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา มีประเด็นเรื่องชุมนุมทางการเมืองมองว่าก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายทองคำย่านเยาวราช เพราะนักลงทุนให้ความสำคัญกับตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ และมาตรการ QE มากกว่า แต่ถ้ามีเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองในช่วงนี้จริง เมื่อดูจากปีก่อนหน้านี้ที่เคยเกิดเหตุการณ์ ส่วนใหญ่ร้านทองต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบเพราะเป็นทางผ่านของกลุ่มชุมนุมก็จะปิดร้าน”
กำลังโหลดความคิดเห็น