“ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์” ไตรมาส 2 กำไรหดเหลือ 549 ล้านบาท ลดลง 17% เหตุส่วนต่างของราคาขายกับราคาวัตถุดิบที่ลดลง
นายสุชัย อัศวถาวรวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPC และบริษัทย่อยแจ้งผลงานไตรมาส 2 ปีนี้ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 549 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 664 ล้านบาท หรือลดลง 115 ล้านบาท หรือ 17% อันเป็นผลจากส่วนต่างของราคาขายกับราคาวัตถุดิบหลักที่ลดลง
โดยงวดนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย และการให้บริการรวม 8,145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ด้านสัดส่วนของรายได้จากการขายมาจากธุรกิจพีวีซี 72% จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพีวีซี 26% และรายได้อื่นๆ 2% ของรายได้จากการขายรวม ตามลำดับ สัดส่วนรายได้จากการขายและจากการให้บริการรวม 83% เป็นการขายของบริษัทในประเทศไทย และ 17% เป็นการขายของบริษัทย่อยในต่างประเทศ
สำหรับผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปี 2556 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 15,876 ล้านบาท เพิ่้มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 4% โดยมีกำไรสุทธิ 1,131 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 21% จากส่วนต่างของราคาขายกับราคาวัตถุดิบหลักที่ลดลง
นายสุชัย อัศวถาวรวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPC และบริษัทย่อยแจ้งผลงานไตรมาส 2 ปีนี้ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 549 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 664 ล้านบาท หรือลดลง 115 ล้านบาท หรือ 17% อันเป็นผลจากส่วนต่างของราคาขายกับราคาวัตถุดิบหลักที่ลดลง
โดยงวดนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย และการให้บริการรวม 8,145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ด้านสัดส่วนของรายได้จากการขายมาจากธุรกิจพีวีซี 72% จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพีวีซี 26% และรายได้อื่นๆ 2% ของรายได้จากการขายรวม ตามลำดับ สัดส่วนรายได้จากการขายและจากการให้บริการรวม 83% เป็นการขายของบริษัทในประเทศไทย และ 17% เป็นการขายของบริษัทย่อยในต่างประเทศ
สำหรับผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปี 2556 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 15,876 ล้านบาท เพิ่้มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 4% โดยมีกำไรสุทธิ 1,131 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 21% จากส่วนต่างของราคาขายกับราคาวัตถุดิบหลักที่ลดลง