แม้ประธานเฟดจะกล่าวออกมาแล้วว่ายังไม่มีกำหนดระยะเวลาการลดขนาดหรือยกเลิกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE ในเร็วๆนี้ก็ตามที แต่ราคาทองคำก็ยังเคลื่อนไหวขึ้นลงตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐรายสัปดาห์ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบราคาทองคำตอนนี้คือ หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี ราคาทองคำจะปรับลงเพราะนักลงทุนกังวลว่าเฟดจะชะลอ QE เร็วขึ้น ที่น่าแปลกใจก็คือตลาดหุ้นสหรัฐเองก็สะท้อนไปในมุมมองเดียวกันคือถ้าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐดี หุ้นสหรัฐจะลง ทั้งๆที่จริงควรจะปรับขึ้น แสดงให้เห็นว่าตอนนี้นักลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดทองคำเคยชินกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟดแล้ว เหมือนที่เราเคยคุยกันว่า นักลงทุนตอนนี้ติดยาเสพติดแล้ว ยาเสพติดที่ก็คือ QE นี่เอง
ปัจจัยที่หนุนราคาทองคำนอกจาก QE ของเฟดแล้ว ยังมี QE ของฝากฝั่งญี่ปุ่นอีกด้วย จะเห็นได้ว่าสุดสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีการเลือกตั้งสภาบนของทางญี่ปุ่นที่ผลออกมาว่าเป็นบวกต่อฝั่งนายกอาเบะ ซึ่งนายกอาเบะก็สนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นโดยการอัดฉีดเช่นกัน ทำให้หลังการเลือกตั้งราคาทองคำโลกพุ่งทะลุเหนือ $1,300 ขึ้นมาทันที ตลาดหุ้นก็เช่นกันเพราะขนาด QE ของญี่ปุ่นก็ใหญ่ไม่แพ้ของสหรัฐเลย หากแต่ว่า QE ของญี่ปุ่นทำให้ปริมาณเงินในตลาดโลกเพิ่มขึ้นแต่อาจไม่ส่งผลบวกต่อทองคำแรงเท่า QE ของทางเฟด เพราะของเฟดนั้นจะส่งผลต่อมูลค่าสหรัฐโดยตรงเลยทำให้ช่วงที่ประกาศ QE ของสหรัฐ ทองคำโลกพุ่งขึ้นแรงกว่าหลายเท่า
คนที่สนใจลงทุนในทองคำจะทำอย่างไรดีต่อจากนี้
1.ถ้าคุณเก็งกำไรระยะสั้น ติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตัวเลข Non-farm Payroll หรือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่จะประกาศทุกศุกร์แรกของเดือน และการแถลงของประธานเฟดแต่ละครั้งจะช่วยบอกถึงความน่าจะเป็นต่อการตัดสินใจต่อมาตรการ QE ของสหรัฐ หรือดูกราฟใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคก็สามารถช่วยได้ โดยภาพใหญ่ราคาทองคำอยู่ในขาลง แต่ระยะสั้นยังวิ่งอยู่ในกรอบขาขึ้นเป็นการเด้งขึ้นบ้างหลังปรับลงแรงก่อนหน้านี้ หากหลุดกรอบขาขึ้นระยะสั้น แสดงว่าลงต่อ ก็ไปรอข้างล่างยาวๆ
2.ถ้าคุณลงทุนระยะยาว ดูปัจจัยพื้นฐาน อุปทาน อุปสงค์ทองคำแท่งจริงไม่แตกต่างจากเดิมมาก แต่ที่ลดลงหายไปเลยคืออุปสงค์ด้านการลงทุนผ่าน ETF ทองคำอย่าง SPDR Gold Trust ที่ลดฮวบฮาบ ส่วนต้นทุนการผลิตทองคำออกมาในแต่ละออนซ์นั้น เหมืองใหญ่ๆมีต้นทุนอยู่แถวๆ $920-1,270 เหรียญ ที่ต่างกันมากๆจะเป็นค่าปฏิบัติการและเทคโนโลยีในของขบวนการผลิตทองคำออกมา นั่นแสดงว่าหากราคาต่ำกว่า $1,250 เหรียญลงไปก็อาจเป็นจังหวะเริ่มทยอยสะสมทองคำได้ ส่วนปัจจัยที่พื้นฐานจากเงินเฟ้อสหรัฐ ณ ขณะนี้ยังอยู่ในอัตราที่ต่ำมากจนไม่ได้สร้างผลบวกต่อราคาทองคำอย่างที่คาดไว้หลายปีก่อนหน้านี้ ซึ่งคงต้องติดตามต่อไปว่าปริมาณเงินที่สหรัฐอัดฉีดไปตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมาจะเริ่มส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อสหรัฐเมื่อไหร่ แต่คงไม่ใช่ภายในปีนี้หรือปีหน้าแน่ๆ
3.ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นนักลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาว แล้วไม่เข้าใจทองคำ .... ก็อย่าเพิ่งเข้ามาในตลาดทองคำเลย เพราะเข้ามาแบบไม่รู้อะไร มันก็ไม่ต่างกับคนที่เข้ามาเสี่ยงดวงแบบการพนัน แนะนำให้กลับไปหารายได้จากสิ่งที่คุณถนัดดีกว่า
"QE ของสหรัฐ ยังไงก็ต้องยุติไม่วันใดก็วันหนึ่ง ยิ่งตัวเลขสหรัฐดีขึ้น เฟดยิ่งไม่มีข้ออ้างอัดฉีดต่อเนื่องต่อไป สิ่งที่จะทำให้เฟดยื้อทำ QE ต่อไปเพราะมันใกล้สิ้นสุดวาระของการดำรงตำแหน่งของประธานเฟดในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งประธานเฟดเองก็คงไม่อยากจะเป็นคนยุติมาตรการนี้ เพราะจะกลายเป็นคนมือเปื้อนเลือดได้หากยุติแล้วเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังฟื้นกลับมาฟุบอีกครั้ง ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำมีมากมาย รอบหน้าอาจจะไม่ได้ขึ้นด้วย QE ก็ได้ หลักๆมันอยู่ที่รายใหญ่ๆว่าเค้ามองว่าทองคำควรจะขึ้นด้วยปัจจัยใด สิ่งที่นักลงทุนควรทำคืออย่ายึดติดกับเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งมากนัก หากตลาดเปลี่ยนปัจจัยหลักในการเล่น เราก็ควรจะพร้อมเปลี่ยนตาม"
สัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช
ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก
