ส.ไทยรับสร้างบ้าน ชี้ความต้องการสร้างบ้านภาคกลางฟื้นตัวชัดเจน หลังซึมยาวกว่า 2 ปี จากพิษมหาอุทกภัย เผยภาคใต้ตลาดดาวรุ่ง ผู้ประกอบการท้องถิ่นแห่เปิดศูนย์รับสร้างบ้าน พร้อมยกระดับมาตรฐานเทียบเคียงบริษัทรับสร้างบ้าน กทม. แถมผู้บริโภคตอบรับเป็นอย่างดี ด้านตลาด กทม.ส่อหดตัวตามเศรษฐกิจ ส่งผลตลาดแข่งขันรุนแรง แนะเร่งปรับตัวนำระบบก่อสร้างสำเร็จรูปมาใช้แทนแรงงาน ชี้อนาคตค่าจ้างแพงหูฉี่ แถมแรงงานขาดทักษะ
นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน (THBA) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศในช่วงไตรมาส 3 มีแนวโน้มเติบโต และชะลอตัวพอๆ กัน สำหรับพื้นที่ที่มีความต้องการสร้างบ้าน หรือกำลังซื้อฟื้นตัวชัดเจนได้แก่ พื้นที่ภาคกลาง เช่น สระบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี ฯลฯ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ชะลอการสร้างบ้านหลังใหม่เอาไว้ เพราะกังวลเรื่องน้ำท่วมมานานเกือบ 2 ปี ขณะเดียวกัน กำลังซื้อในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ตลาดใหม่ของธุรกิจรับสร้างบ้านก็มีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยเฉพาะเมื่อผู้ประกอบการในท้องถิ่นมีการยกระดับมาตรฐานได้เทียบเคียงกับบริษัทรับสร้างบ้านจากกรุงเทพฯ ทั้งนี้ มีการเปิดศูนย์รับสร้างบ้านในพื้นที่หลายๆ จังหวัด เช่น สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และหาดใหญ่ โดยการเติบโตของตลาดรับสร้างบ้านสะท้อนได้จากจำนวนผู้บริโภคที่เข้ามาติดต่อใช้บริการ และตัดสินใจสร้างบ้านกับสมาชิกสมาคมฯ ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ เติบโตเพิ่มขึ้นกว่าในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัดเจน
สำหรับตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้น สมาคมฯ ประเมินว่าอาจะทรงตัว หรือชะลอตัวเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงไตรมาสก่อน โดยได้รับผลกระทบทางด้านจิตวิทยาอันเนื่องมาจากการที่หลายๆ หน่วยงาน เช่น ธปท. และ สศช.คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจประเทศครึ่งปีหลังชะลอตัว ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้มีความอ่อนไหวต่อข่าวสาร และทิศทางเศรษฐกิจ ผลดังกล่าวทำให้บริษัทรับสร้างบ้านในพื้นที่ กทม.จะมีการแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ในขณะที่ตลาดรับสร้างบ้านในพื้นที่ภาคตะวันออก พบว่าอยู่ในภาวะทรงตัว หรือชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ คาดว่าเป็นผลมาจากประการแรก ความไม่เชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ราคาน่าจะปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง และประการที่สอง การรุกขยายตลาดที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่ ทำให้แชร์กำลังซื้อส่วนหนึ่งไปจากตลาดรับสร้างบ้าน
“สมาคมฯ มีการสำรวจความเห็นออนไลน์ กรณีผู้บริโภคที่มีความต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ในปีนี้ พร้อมจะตัดสินใจ และให้ลงมือก่อสร้างในช่วงเวลาใดมากที่สุด โดยจากผลสำรวจพบว่า อันดับ 1 พร้อมจะตัดสินใจในช่วงไตรมาส 3 มากที่สุด และอันดับสุดท้าย พร้อมจะตัดสินใจในช่วงไตรมาส 2 ในขณะที่ผลสำรวจผู้บริโภคต้องการจะให้ลงมือก่อสร้างบ้านในช่วงไตรมาส 4 มาเป็นอันดับที่ 1 และต้องการให้ลงมือก่อสร้างในช่วงไตรมาส 3 เป็นอันดับสุดท้าย”
นายสิทธิพร กล่าวอีกว่า ตลาดรวมรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลัง มีโอกาสขยาย และเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องเพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะจะตัดสินใจ และลงมือก่อสร้างมากกว่า ที่สำคัญผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจรับสร้างบ้านนี้ควรหาทางเปิดตลาดในพื้นที่ใหม่ๆ ในต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อสามารถเข้าถึงกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย พร้อมๆ กับการเร่งปรับขีดความสามารถของตัวเอง เช่น การนำระบบก่อสร้างสำเร็จรูปมาใช้มากขึ้น เพราะในปัจจุบัน และอนาคตไม่เพียงแรงงานขาดแคลนเท่านั้น แต่แรงงานยังขาดทักษะ และค่าจ้างแรงงานสูงขึ้นอีกเกือบเท่าตัว
นอกจากนี้ ควรมีการลงทุนพัฒนาบุคลากรในระดับวิชาชีพ เช่น วิศวกร สถาปนิก บัญชี นักขาย ฯลฯ เพื่อให้บุคลากรมีความรู้ และทักษะในการปฏิบัติงานตรงตามมาตรฐานขององค์กรที่กำหนดไว้ รวมทั้งเน้นการสร้างเครือข่ายธุรกิจให้เชื่อมโยงกัน จะด้วยวิธีรวมตัวกันเป็นสมาคมธุรกิจ หรือภายใต้ระบบแฟรนไชส์ก็ตาม ขอเพียงมีเป้าหมายคือ เพื่อยกระดับ และสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการให้เกิดขึ้นในธุรกิจรับสร้างบ้านนี้