“คลัง” ยอมใส่เกียร์ถอยรีดภาษีดีเซลเพิ่มอีกลิตรละ 1.50 บาท อ้างสถานการณ์ไม่อำนวย แถมค่าบาทอ่อน หวั่นดันราคาขายปลีกพุ่ง กระทบกระเป๋าตังค์ประชาชน “ทนุศักดิ์” ยอมรับยังไม่รู้อนาคตว่าจะปรับขึ้นเมื่อใด ต้องรอความเหมาะสมจากฝ่ายการเมือง ปัดขัดแย้ง “กิตติรัตน์”
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.การคลัง ในฐานะกำกับดูแลกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ตามแผนงบประมาณปี 2557 จะต้องมีการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 1.50 บาท ตั้งแต่เดือน ต.ค.2556 เป็นต้นไป ซึ่งรัฐบาลยังได้ชี้แจงกับฝ่ายค้านในสภาว่า หากขึ้นภาษีดังกล่าวจะไม่มีผลทำให้ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น เพราะขณะนั้น ค่าเงินบาทแข็งทำให้การนำเข้าน้ำมันถูก และการเก็บเงินเข้ากองทุนของราคาน้ำมันดีเซลในขณะนั้นอยู่ที่ลิตรละกว่า 3 บาท ทำให้เมื่อขึ้นภาษีน้ำมันดีเซลแล้วก็สามารถไปลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ทำให้ราคาขายปลีกราคาน้ำมันดีเซลไม่เพิ่มขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตอนนี้ต่างจากช่วงที่พิจารณางบประมาณปี 2557 อย่างสิ้นเชิง ทั้งค่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างมาก ทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันของน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละประมาณ 1 บาทเท่านั้น ทำให้การเพิ่มภาษีน้ำมันดีเซลตามแผนที่ระบุไว้ในงบประมาณปี 2557 จะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้น จึงส่งผลให้การขึ้นภาษีน้ำมันดีเซลไม่สามารถทำได้ในช่วงนี้ เพราะจะเป็นการซ้ำเติมผู้ใช้น้ำมัน และอาจจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนขนส่ง ราคาสินค้า และกระทบต่อการขยายตัว และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมีปัญหาเพิ่มขึ้นจนแก้ปัญหาได้ยาก
ทั้งนี้ การขึ้นภาษีน้ำมันดีเซลต้องถูกลากยาวออกไปไม่มีกำหนด และขึ้นอยู่กับฝ่ายนโยบายทางการเมืองว่าจะดำเนินการอย่างไร ในฐานะที่ดูแลสรรพสามิต ก็ดูแลผลประโยชน์ของกรม ไม่ได้มีความขัดแย้งกับ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ที่ออกมาระบุว่า คลังยังมีแผนการปรับขึ้นภาษีน้ำมันดีเซล
นายทนุศักดิ์ มั่นใจว่า การไม่เก็บภาษีน้ำมันดีเซลไม่น่ากระทบต่อการจัดเก็บของกรมสรรพสามิต เพราะปีนี้ยังเก็บภาษีได้เกินเป้าจำนวนมาก และคาดว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษีมีรายได้มาชดเชยภาษีน้ำมันได้เพิ่มขึ้น
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า เป้าการจัดเก็บภาษีของกรมปีงบประมาณ 2557 อยู่ที่ 4.63 แสนล้านบาท โดยตามเอกสารงบประมาณจะมีการจัดเก็บภาษีน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นลิตรละ 1.50 บาท อย่างไรก็ตาม การขึ้นภาษีดังกล่าวเป็นนโยบายของรัฐบาล ถึงแม้ว่าไม่มีการปรับขึ้นก็เชื่อว่าไม่กระทบต่อการจัดเก็บภาษีของกรม เพราะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพเก็บภาษีในส่วนอื่นมาชดเชยได้
อย่างไรก็ตาม กรมสรรพสามิตได้มีการประเมินก่อนหน้านี้โดยเชื่อว่า หากมีการขึ้นภาษีน้ำมันดีเซล 1.50 บาทต่อลิตร จะทำให้เก็บภาษีได้เพิ่มเดือนละ 1.5-1.7 พันล้านบาท และหากปรับขึ้นไปเท่าเดิม 5.31 บาทต่อลิตร จะทำให้เก็บภาษีได้ 9 พันล้านบาทต่อเดือน โดยการลดภาษีน้ำมันดีเซลที่ผ่านมา 2 ปี ทำให้สูญเงินภาษีไปกว่าปีละ 1 แสนล้านบาท