xs
xsm
sm
md
lg

ยอดจองรถคันแรกพ่นพิษ TKT อ่อยออเดอร์หดหวั่นกระทบทั้งปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม  อ่อยผลงานปีนี้อาจพลาด   รอประเมินผลอีกครั้งช่วงไตรมาส 3   เหตุผลกระทบรถยนต์คันแรกลูกค้าเมินรับรถ กระทบผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์  เร่งพัฒนาคุณภาพการผลิตหวังต้นทุนลด ดันกำไรเพิ่ม เผยทบทวนการเติบโตปีนี้ใหม่อาจโตไม่ถึง  10%  

     นายจุมพล   เตชะไกรศรี   ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ  บริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม  จำกัด (มหาชน) หรือ TKT ผู้ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกของรถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เปิดเผยว่า ผลงานไตรมาส  2   ที่กำลังจะประกาศออกมาว่าจะต่ำกว่าไตรมาสแรก และอาจต่ำกว่าไตรมาส  2 ปี  55 หลังจากภาพรวมทั่วไปไม่ดีนัก  

    “แนวโน้มเริ่มไม่ค่อยดีส่อมาให้เมื่อกลางเดือนที่แล้วครับ เพราะออเดอร์หยุดชะงัก หลังจากก่อนหน้าที่มีมาต่อเนื่อง และไตรมาส 2  ก็เป็นช่วงของการดร็อปของธุรกิจนี้ด้วย แต่เมื่อรวมกับผลงานไตรมาสแรกถือว่าครึ่งแรกปีนี้ยังดีอยู่ครับ แต่ครึ่งปีหลังเป็นสิ่งที่เราต้องพิจารณาอันอีกครั้ง”

     ทั้งนี้   เป็นผลจากการจองรถยนต์คันแรกของลูกค้าที่เข้าจองกับผู้ผลิตรถยนต์ เพื่อให้ทันกับมาตรการภาษีรถยนต์คันแรกที่จะหมดลงก่อนสิ้นปี 55  ซึ่งระยะนั้นทำให้มียอดจองซื้อรถยนต์หลั่งไหลเข้าสู่ผู้ผลิต  อันส่งผลให้ออเดอร์สินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ก็เริ่มไหลเข้าสู่ผู้ประกอบการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ถ้วนหน้า

    อย่างไรก็ดี  หลังจากเงื่อนไขที่หลากหลาย และเศรษฐกิจแย่ลง ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ประกอบกับภาษีที่รัฐบาลยกเว้นให้นั้น เมื่อหักลบกลบกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องจ่ายจิปาถะให้แก่ภาครัฐภายหลังจากที่รับรถมาแล้ว ไม่ได้แตกต่างกับการซื้อรถตามปกติ  แสดงให้เห็นถึงการไม่ได้เอื้อหนุนให้ประหยัดอย่างที่ประเมินไว้แต่แรก  ล้วนเป็นผลให้ยอดรับจองของรถยนต์คันแรกต่ำลงกว่าเป้าหมาย  และเมื่อผู้ผลิตจะส่งมอบพบว่าลูกค้าไม่มารับรถ   ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แล้ว หลังพบว่า ยอดจองรถที่ผู้จองยกเลิก หรือไม่มารับรถตามสัญญา และสุดท้ายก็ฉีกสัญญาไป  ทำให้เกิดตัวเลขเป้าหมายยอดขายที่ประเมินไว้พลาดไปจากเดิม โดยจากเดิม TKT ประเมินการเติบโตของยอดขายปีนี้ไว้จากปีก่อนมากกว่า  10%  แต่เมื่อเกิดผลจากการชะลอรับรถ หรือการรับรถคันแรกผิดเป้าไปจากตัวเลขที่มี ทำให้เป็นเรื่องที่ต้องคิดทบทวน  

    “แต่ขณะนี้เราก็ยังคงเป้าตัวเลขเดิมอยู่นะครับ ยังไม่ทำอะไร ต้องคอยดูก่อนว่าไตรมาส  3 จะเป็นอย่างไร ซึ่งเราขอดูไปถึงเดือนสิงหาคมว่าจะเอายังไงต่อครับ มันมีหลายปัจจัยที่อาจต้องทำให้เราประเมินยาก และก็ยังนิ่งๆ ดูเหตุการณ์ก่อน แต่ในความโชคร้ายเราก็ยังมีเรื่องดีตรงที่ธุรกิจฉีดขึ้นรูปพลาสติกของเรายังไปได้ดี และเชื่อว่าปีนี้จะเป็นตัวที่จะมาพยุงรายได้ และกำไรไม่ให้เราตกไปมากกว่าที่ควรจะเป็นครับ”

    อย่างไรก็ดี ปีนี้ แม้ในสายธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์จะได้รับผลกระทบ แต่ในด้านของการผลิตขึ้นรูปพลาสติกที่ถือว่ายังคงไปได้ด้วยดี และจะเป็นแหล่งที่สร้าง และช่วยพยุงรายได้จากธุรกิจนี้ช่วย กอปรกับสินค้าชนิดนี้มีมาร์จิ้นสูง   และฐานรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง   เพราะแม้ยอดรับรถยนต์คันแรกของผู้ผลิตหลายแห่งจะไม่เป็นไปตามที่ได้รับใบจอง เพราะเงินที่จะใช้ซื้อรถในปี  56  ผู้บริโภคกลับไปเทเงินจองซื้อในรอบปี 54-55 เพื่อรับสิทธิยกเว้นภาษี  แต่เชื่อว่าออเดอร์ชิ้นส่วนยานยนต์จะกลับมาปกติในปี  57  

“อย่างน้อยที่สุดฐานการผลิตรถยนต์ก็ยังอยู่ที่ไทย และหลายผู้ประกอบการรถยนต์ที่หันมาปักฐานการผลิตในไทย เมื่อทุกอย่างสู่ปกติ ออเดอร์ก็จะกลับมา ผมเชื่อว่าปีหน้าก็น่าจะเข้าที่แล้วคับ แต่ปีนี้เราต้องผ่านไปให้ได้ แต่จะทรง หรือทรุดแค่ไหนก็ต้องมาดูอีกครั้งปลายปี” นายจุมพลกล่าว

     โดยปีนี้ภาพรวมของการผลิตรถยนต์ทั้งระบบประมาณ  2.45  ล้านคัน   ซึ่งผลที่ออกมาอาจไม่ถึง หรือหากจะถึงก็อาจเลยไปบ้างนิดหน่อยไปที่ 2.55 ล้านคัน ถ้าเรามองแบบเข้าข้างตัวเอง แต่หากจะลดลงก็น่าจะไม่มากนัก ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าเป้าหมายการเติบโตของยอดขายปีนี้อาจไม่โตหรือลดลง แต่จะมากน้อยแค่ไหนเป็นสิ่งที่ต้องประเมินกันอีกครั้ง

    นายจุมพล กล่าวต่อว่า แม้ยอดขายในประเทศจะมีแนวโน้มลดลงให้เห็น  แต่ดีที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังสดใส และการส่งออกยังไปได้เรื่อยๆ จึงถือว่ายังพอรับได้ และผลงานครึ่งแรกปี 56 โดยรวมดีกว่าครึ่งแรกปี  55  และตัวเลข  5  เดือนแรกสวย ขณะที่พอถึงเดือนมิถุนายนก็เริ่มเห็นแนวโน้มการลดลงของออเดอร์แล้วก็ตาม

    จากภาพรวมทั้งหมด TKT จึงเชื่อว่า  ภาพรวมของไตรมาส  4  ปีนี้คงจะไม่ใช่ช่วงพีกอย่างที่เห็นสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบเพราะจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการทุกราย  เนื่องจากดีมานด์ซื้อสินค้าไม่เป็นไปตามประมาณการที่ทำไว้เมื่อปลายปีก่อน   ซึ่้งในปี  55  ยอดขายดีขึ้นมากหลังจากปี  53 เกิดวิกฤตน้ำท่วมหนัก และเมื่อเข้าสู่ปกติก่อนสิ้นปี ความต้องการชิ้นส่วนยานยนต์พุ่งสูงขึ้นมาก จึงทำให้ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการดันออเดอร์ยาวมาถึงปี 55 ประกอบกับเกิดการกระตุ้นจากรัฐบาลด้วยนโนบายรถคันแรกที่ละเว้นภาษีถึงคันละ  1  แสนบาท ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์เร่งผลิตเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าที่จองรถเข้ามามากมาย

 นายจุมพล กล่าวว่า จากการหันมาผลิตสินค้าที่มีกรอสมาร์จิ้นสูงขึ้น    ซึ่งตั้งเป้าช่วงปลายปี 57  จะทำตัวเลขนี้ให้ถึง  17-18%   และเชื่อว่ายอดความคึกคักของธุรกิจยานยนต์จะเข้าสู่ปกติแล้ว  ขณะเดียวกัน TKT ได้ทำงานที่ถนัดให้แกร่งมากขึ้นพร้อมกับเน้นคุณภาพ เพื่อรักษาต้นทุนไม่พุ่งตามค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น   อีกทั้งแผนการจะเข้าไปจำหน่ายสินค้าในอินโดนีเซียด้วยเพราะเรามองว่าประเทศนี้อัตราการเติบโตสูง และน่าสนใจมาก ถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก

    สำหรับค่าแรงที่เพิ่มขึ้นกระทบบ้างประมาณ  3%  ซึ่งส่งผลต่อกำไรสุทธิของบริษัทต่ำลง อย่างไรก็ตาม เพราะปีนี้บริษัทได้ปรับเพิ่มค่าแรงพนักงานขึ้นทั้งหมดแล้ว  ดังนั้น บริษัทต้องบริหารต้นทุนให้ต่ำ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดไว้  จะเป็นการเซฟต้นทุนได้มาก
 
กำลังโหลดความคิดเห็น