เผยวอลุ่มเทรดเบาบาง สะท้อนความเชื่อมั่นหด โบรกฯ เตือนภาพใหญ่ ศก. มีความเสี่ยง

“เคทีบี” มองหุ้นไทยวันนี้ปรับในกรอบที่จำกัด เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่ แนะเล่นเก็งกำไรระยะสั้นกลุ่มแบงก์พาณิชย์ “เมย์แบงก์” ชี้วอลุ่มเทรดเบาบาง สะท้อนความเชื่อมั่นนักลงทุนในระดับต่ำ โดยให้กรอบ 1,440-1,460 จุด เตือนภาพใหญ่ ศก. มีความเสี่ยง

นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี ประเทศไทย จำกัด มองการเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยเช้านี้ ปรับตัวในกรอบค่อนข้างจำกัด เพราะขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นจิตวิทยาการลงทุน แต่เรื่องภาพรวมที่ยังเป็นบวก เชื่อว่ายังคงมีอยู่ จึงส่งผลให้ภาพรวมปรับขึ้นได้แต่จำกัด โดยปัจจัยหนุนที่ดีน่าจะมาจากราคาน้ำมันดิบที่น่าจะยังทรงตัวสูงในขณะนี้

ทั้งนี้ แนะนำกลุ่มที่ให้น้ำหนักซื้อลงทุนส่วนหนึ่งในหุ้นกลุ่มบิ๊กแคป เช่น พลังงาน ปิโตรเคมี โรงกลั่น ซึ่งถ้าจะเก็งกำไรระยะสั้น แนะดูธนาคารพาณิชย์ จะประกาศงบไตรมาส 2/2556 ส่วนหุ้นที่จะมีผลประกอบการแข็งแกร่งต่อเนื่องในไตรมาส 2 เช่น MAJOR THCOM และหุ้นที่จะเทิร์นอะราวนด์ ในครึ่งหลัง เช่น ปิโตรเคมี โรงกลั่น ซึ่งไตรมาส 2 น่าจะแย่สุดของปีนี้ จะเห็นภาพเเทิร์นอะราวนด์ ในไตรมาส 3-4 โดยให้กรอบการลงทุนแคบลงแถว 1,450-1,460 จุด

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า ดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบแคบ 1,440-1,460 จุด เพราะขาดปัจจัยใหม่ทั้งใน และต่างประเทศเข้ากำหนดทิศทางการลงทุน อีกทั้งมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศอยู่ในระดับต่ำเช่นกัน

ดังนั้น กลยุทธ์ช่วงสั้นแนะนำเป็นการเก็งกำไรรายตัวในช่วงสั้นๆ เท่านั้น สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ เพราะภาพใหญ่ยังมีความเสี่ยง ทั้งการปรับประมาณการกำไรปี 2556 ของบริษัทจดทะเบียนลง การปรับประมาณการเศรษฐกิจ (GDP) ปีนี้ ของ ธปท. ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ และประเด็นการเมือง ทั้งในส่วนของร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่จะนำเสนอสู่สภาฯ วาระ 2-3 เดือนหน้า อาจสร้างแรงกดดันทางการเมืองนอกสภาฯ มากขึ้น