เครือซีพีเล็งเศรษฐกิจจีน แม้จะชะลอตัวลงแต่เป็นเพียงระยะสั้นจากปัจจัยเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบทั่วโลก ระยะยาวน่าลงทุนเพราะประเทศมีความพร้อมสูงในหลายปัจจัย ขณะที่ขุนคลังจีนคาด GDP ครึ่งปีหลังอาจโตแค่เพียง 7% จากเป้าเดิมที่ 7.7% ด้านโบรกฯ ไทยแนะจับตาประชุมเฟตวันพุธนี้ อาจได้ความชัดเจนในเรื่องมาตรการ QE อีกครั้ง
นายธนากร เสรีบุรี รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ มองว่าเศรษฐกิจจีนชะลอลง แต่ยังมีโอกาสโตที่จะทำกำไรได้อยู่ เนื่องจากเป็นประเทศใหญ่ที่มีผู้บริโภคมาก การลงทุนระยะยาวจะได้ผลที่คุ้มค่ามากกว่าโดยประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจจีนช่วงครึ่งปีหลังแม้ชะลอตัว แต่ยังอยู่ในอัตราที่เติบโตถึง 7% มีโอกาสสร้างกำไรในธุรกิจกิจมีอีกมาก เผยเตรียมลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ด้านศูนย์การค้า คอนโดมิเนียม และศูนย์ราชการ มูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้ามองเมืองลั่วหยาง เพราะมีศักยภาพสูงสามารถรองรับการขยายตัวได้ดี ทั้งนี้ เตรียมตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ร่วมทุนจีน คาดว่าจะเริ่มผลิตในไตรมาส 4 ของปี 2557 มีทั้งขายในประเทศ-ส่งออก
ขณะเดียวกัน ล่าสุด รมว.คลังของจีนออกมาเปิดเผยว่า GDP ในไตรมาสที่ 2 ของปี โดยภาพรวมตลาดคาดว่าจะเติบโต 7.5% ลดลงจากเป้าเดิมที่ 7.7% ในไตรมาส 1 ขณะที่ทางการจีนตั้งเป้าทั้งปีนี้เติบโต 7.5% แต่อาจจะทำได้เพียงแค่ 7.0% เนื่องจากในครึ่งปีหลัง การเติบโตของ GDP มีแนวโน้มต่ำกว่าระดับ 7.0% คาดว่าตลาดหุ้นทั่วเอเชียจะซึมลงเล็กน้อย แต่หากออกมาต่ำกว่าคาด ตลาดหุ้นทั่วเอเชียจะลดลงแรง รวมถึงการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในครึ่งปีหลังที่เข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งจำเป็นต้องใช้พลังงานมากขึ้น แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานการลงทุนของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบาง นักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศต่างชะลอการลงทุน เพื่อรอดูผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ที่มีแนวโน้มออกมาใกล้เคียง หรือต่ำกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่ จากภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเร็วกว่าที่คาด
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวน สัปดาห์นี้เป็นเรื่องเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2 ของกลุ่มธนาคารแต่ประกาศออกมาแล้วส่วนใหญ่ก็จะเห็นการขายทำกำไรเมื่อข่าวดีได้ประกาศออกมาเรียบร้อยแล้ว และเมื่อรวมกับสัปดาห์ที่แล้ว การที่ตลาดปรับขึ้นมารุนแรง โดยสัปดาห์นี้โอกาสที่จะถูกขายทำกำไรมีค่อนข้างมาก โดยรวมดัชนีอาจแกว่งปรับตัวลดลง ให้กรอบแนวต้าน 1,465-1,470 จุด แนวรับ 1,425 จุด โดยเน้นหุ้นกลุ่มอสังหาฯ และกลุ่มค้าปลีก ที่ปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้า น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวกลับได้ทั้งนี้คืนวันพุธที่ 17 ก.ค. นายเบน เบอร์นันเก ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะนำเสนอนโยบายการเงินต่อวุฒิสภาอีกรอบ ซึ่งตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลกอาจได้ความชัดเจนในเรื่องมาตรการ QE อีกครั้ง
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้เตรียมยืดอายุมาตรการ ลดค่าครองชีพของประชาชนออกไปอีกระยะ นอกเหนือจากปรับลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา โครงการรถเมล์ฟรี และเตรียมเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวอย่างต่อเนื่อง เพราะเห็นว่าชาวนาได้ประโยชน์ และชาวนาเป็นฐานเสียงหลักของรัฐบาล