สมาคม บจ.ไทยเผยผลสำรวจ “ซีอีโอ” มอง ศก.ไทยปีนี้ขยายตัวต่ำกว่า 4.5% ผลกระทบ ศก.โลกชะลอตัว พร้อมแสดงความเป็นห่วงเสถียรทางการเมือง ยอมรับส่วนที่กระทบต่อ บจ. เป็นความไม่ชัดเจนของนโยบาย ทั้งโครงการจำนำข้าว และเรื่องหนี้สาธารณะ ส่วนผลโรดโชว์นักลงทุนห่วงเรื่องกลไกรัฐบาลที่ไม่สอดคล้องกับทิศทางตลาด หากปรับให้สอดคล้องก็จะทำให้ความเชื่อมั่นกลับมาได้
นายสุรงค์ บูลกุล นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) เปิดเผยผลสำรวจ CEO Survey Economic Outlook ครึ่งหลังปี 2556 โดยระบุว่า ผู้บริหารส่วนใหญ่ 57% เห็นว่าอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจของไทย (จีดีพี) ในปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่า 4.5% ขณะที่ผู้ที่ถูกสำรวจ 1 ใน 4 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 4.5-5.0% ซึ่งต่ำกว่าผลสำรวจเมื่อครั้งที่ผ่านมาที่ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีจะสูงกว่า 4.5%
ทั้งนี้ เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากที่สุด โดยให้น้ำหนักที่วิกฤตยุโรป 50% การชะลอตัวเศรษฐกิจจีน 28% และปัญหาทางการคลังสหรัฐอเมริกา 22%
ส่วนปัจจัยด้านเสถียรภาพทางการเมือง และนโยบายของรัฐบาลยังอยู่ใน 3 อันดับแรกของปัจจัยเสี่ยงที่ผู้บริหารเห็นว่ามีผลต่อการขยายตัวของจีดีพี เช่นเดียวกับความผันผวนของค่าเงินบาท การลดลงของกำลังซื้อในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากอันดับ 7 มาเป็นอันดับที่ 5 ขณะที่ค่าแรงลดลงจากอันดับ 5 ไปเป็นอันดับ 8
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังมองว่า ยังมีความผันผวนหลายปัจจัยได้แก่ เศรษฐกิจจีน ยุโรป และมาตรการผ่อนคลายการเงินเชิงปริมาณ (QE) ของสหรัฐฯ การไหลของเงินจะลดลง ดังนั้น บริษัทจดทะเบียนต้องปรับตัวให้มีการใช้เงินให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และต้องเข้าใจกลไกตลาด
นอกจากนี้ จากผลสำรวจผู้บริหารแสดงความเป็นห่วงเสถียรทางการเมืองของประเทศ โดยส่วนที่กระทบต่อบริษัทจดทะเบียนเป็นความไม่ชัดเจนของนโยบายรัฐบาล ได้แก่ โครงการรับจำนำข้าว เรื่องหนี้สาธารณะ ซึ่งเป็นเหตุผลที่สังคมต้องการเห็นตัวเลขชัดเจน และถูกต้อง ขณะเดียวกัน มองว่าเรื่องความโปร่งใสสำคัญกว่าตัวเลข ซึ่งหากชัดเจนตอบโจทย์ได้จะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
“จากที่ได้ไปโรดโชว์ต่างประเทศ นักลงทุนก็ได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างประเทศยังมีความมั่นใจเข้าลงทุนในประเทศไทย แต่เป็นห่วงเรื่องกลไกรัฐบาลที่ไม่สอดคล้องกับทิศทางตลาด หากปรับให้สอดคล้องก็จะทำให้ความเชื่อมั่นกลับมา เพราะไทยยังน่าสนใจเมื่อเทียบกับประเทศในแถบอาเซียน”
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งใหม่นั้น นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย มองว่าในแง่ทีมเศรษฐกิจมีทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งแนวทางแก้ไขเรื่องโครงการจำนำข้าว และการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน