xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์ชี้แก้หน้าผาคลังยังไม่จบ จับตาหนี้ยุโรป-ดอกเบี้ยขาลง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แบงก์ประเมินแก้หน้าผาคลังยังไม่จบ รออีกระลอกเดือนมีนาฯ ส่วนผลกระทบต่อไทยไม่มาก คาดโตได้ 4.5% แนวโน้มดอกเบี้ยขาลง ยังต้องจับตาวิกฤตยุโรป

นายบันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) เปิดเผยว่า จากการที่สภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาได้ผ่านร่างกฎหมายเลี่ยง Fiscal Cliff เมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมานั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะบรรเทาปัญหาดังกล่าวได้ แต่ยังมีส่วนที่ต้องจับตามดูต่อเนื่องอีก 2 เรื่องใหญ่ๆ ในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ คือ การพิจารณาตัดลดงบประมาณรรายจ่ายโดยอัตโนมัติวงเงิน 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐที่เลื่อนมาจากร่างกฎหมายเลี่ยง Fiscal Cliff และการปรับเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะขึ้นจาก 16.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเท่าที่ดูแล้วปัจจุบันยังตกลงกันไม่ได้

“ตอนนี้ผลกระทบต่อจีดีพีของสหรัฐฯ ยังไม่มาก ประมาณ 0.5% ของจีดีพี ที่คาดว่าจะโต 2% ก็น่าจะเหลือ 1.5% ในส่วนที่ต้องดูต่อไปคือ เรื่องการตัดงบกับหนี้สาธารณะ ยังไม่รู้ว่าผลจะออกมาอย่างไร เพราะดูทั้ง 2 ฝ่ายยังตกลงกันไม่ได้ แต่ในส่วนของค่าใช้จ่ายของรัฐนั้น คิดว่าจะอย่างไรก็ต้องมีการปรับลด เพราะปัจจุบันอยู่ค่อนข้างสูง อย่างการใช้จ่ายด้านสวัสดิการตอนนี้ก็คิดเป็น 9% ของจีดีพีแล้ว และหากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะมีผลต่อฐานะการคลังแน่นอน”

สำหรับผลกระทบต่อประเทศไทยนั้นคงจะไม่มากนัก โดยทางธนาคารคาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้ 4.5% ชะลอลงจากปี 2555 ที่คาดว่าเติบโตได้ 5.4% เนื่องจากฐานในปีก่อนหน้าต่ำผลจากเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ขณะที่เงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ในระดับ 3% แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังมีทิศทางขาลง โดยคาดว่าจะลดลงอีก 0.50-0.75% จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 2.75% เนื่องจากแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากการอุปโภคบริโภคจะแผ่วลงบ้าง จึงต้องอาศัยดอกเบี้ยช่วยหนุนเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง

นายบันลือศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่การส่งออกที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีนั้น ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปก็ยังมีปัญหาอยู่ แม้จะคลี่คลายไปบ้าง โดยในส่วนของสเปนกับอิตาลีน่าจะรอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจได้ ส่วนกรีซยังคงต้องรอดูสถานการณ์ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้เมื่อถึงระยะเวลาที่จะชำระหนี้อีกก้อนหนึ่ง นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะชะลอตัวอยู่ โดยที่ผ่านมา รัฐบาลจีนทุ่มเงินลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจในสัดส่วนที่สูงมากแล้ว จึงน่าจะทยอยลดลงเรื่อยๆ ในช่วงต่อๆ ไป ทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอาจจะไม่สูงเท่าเดิม โดยคาดว่าจีดีพีของจีนปีนี้น่าจะเติบโตที่ 7.5-8%
กำลังโหลดความคิดเห็น