ตรัง - ประธานหอการค้า และประธานชมรมธนาคาร หวังอานิสงส์จากความตึงเครียดจีน-ญี่ปุ่น จะส่งผลดีต่อจังหวัดตรังในด้านการค้า และการท่องเที่ยว ขณะที่เศรษฐกิจโดยภาพรวมก็ยังไปได้ดี
นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้าจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า จากภาวะความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศจีนกับญี่ปุ่นนั้น จะส่งผลให้เกิดผลบวกต่อจังหวัดตรัง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากจะทำให้นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนระหว่างกันทั้ง 2 ประเทศ หันไปท่องเที่ยวยังประเทศอื่นที่มีความน่าสนใจแทน ประกอบกับ จังหวัดตรังมีความพร้อมที่จะรองรับอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ธรรมชาติ หรือแหล่งชอปปิ้ง และปกติก็มีนักท่องเที่ยวทั้ง 2 ประเทศ เดินทางมาเยือนจังหวัดตรังอยู่แล้ว นอกจากนั้น ยังอาจจะส่งผลบวกในภาคการลงทุน โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับยางพารา หรืออาหารทะเลสำหรับนักธุกิจที่ต้องการทำเลใหม่ๆ ในการลงทุน
สำหรับเศรษฐกิจโดยภาพรวมของจังหวัดตรัง ในช่วงไตรมาสสุดท้าย (ตุลาคม-ธันวาคม) 2555 น่าจะยังคงเป็นช่วงที่สดใสที่สุดเหมือนเช่นทุกๆ ปี แม้จะเกิดวิกฤตยุโรป และยางพารามีราคาตกต่ำลง แต่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เริ่มปรับตัวขึ้นในระดับที่น่าพอใจ แม้จะไม่สูงถึงกิโลกรัมละ 100 บาท อย่างเช่นในอดีตก็ตาม แต่ยังทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียน และการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะช่วงใกล้ถึงเทศกาลต่างๆ ในปลายปีนี้ ภาคการท่องเที่ยวก็จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากมีผลกระทบจากหลายปัจจัยจนเกิดภาวะซบเซา และน่าจะมีตัวเลขนักท่องเที่ยวขยับไปถึง 1 ล้านคนตามเป้า สูงกว่าเมื่อปี 2554 ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพียง 800,000 คน
นายสถาพร ขันธรักษ์วงศ์ ประธานชมรมธนาคารจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ไม่ว่าเศรษฐกิจระดับประเทศจะย่ำแย่ลงเพียงใด แต่ไม่ค่อยมีผลกระทบต่อจังหวัดตรัง ซึ่งภาคธุรกิจส่วนใหญ่เป็นการลงทุนแบบเล็กๆ ส่วนราคาพืชผลทางการเกษตรหลักก็มิได้ตกต่ำลงมาก และสักพักหนึ่งทุกอย่างก็จะปรับตัวมาสูงขึ้นอีกครั้ง ประกอบกับได้อานิสงส์จากนโยบายของทางรัฐบาล ที่ช่วยให้เกิดเงินหมุนเวียนในธุรกิจค้าขายของจังหวัดตรัง อีกทั้งจากภาวะความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศจีนกับญี่ปุ่น ก็จะช่วยให้เกิดการไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เพราะจังหวัดตรังมีความพร้อมในการรองรับ และปกตินักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ก็นิยมเดินทางมาเยือนอยู่แล้ว
นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้าจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า จากภาวะความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศจีนกับญี่ปุ่นนั้น จะส่งผลให้เกิดผลบวกต่อจังหวัดตรัง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากจะทำให้นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนระหว่างกันทั้ง 2 ประเทศ หันไปท่องเที่ยวยังประเทศอื่นที่มีความน่าสนใจแทน ประกอบกับ จังหวัดตรังมีความพร้อมที่จะรองรับอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ธรรมชาติ หรือแหล่งชอปปิ้ง และปกติก็มีนักท่องเที่ยวทั้ง 2 ประเทศ เดินทางมาเยือนจังหวัดตรังอยู่แล้ว นอกจากนั้น ยังอาจจะส่งผลบวกในภาคการลงทุน โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับยางพารา หรืออาหารทะเลสำหรับนักธุกิจที่ต้องการทำเลใหม่ๆ ในการลงทุน
สำหรับเศรษฐกิจโดยภาพรวมของจังหวัดตรัง ในช่วงไตรมาสสุดท้าย (ตุลาคม-ธันวาคม) 2555 น่าจะยังคงเป็นช่วงที่สดใสที่สุดเหมือนเช่นทุกๆ ปี แม้จะเกิดวิกฤตยุโรป และยางพารามีราคาตกต่ำลง แต่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เริ่มปรับตัวขึ้นในระดับที่น่าพอใจ แม้จะไม่สูงถึงกิโลกรัมละ 100 บาท อย่างเช่นในอดีตก็ตาม แต่ยังทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียน และการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะช่วงใกล้ถึงเทศกาลต่างๆ ในปลายปีนี้ ภาคการท่องเที่ยวก็จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากมีผลกระทบจากหลายปัจจัยจนเกิดภาวะซบเซา และน่าจะมีตัวเลขนักท่องเที่ยวขยับไปถึง 1 ล้านคนตามเป้า สูงกว่าเมื่อปี 2554 ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพียง 800,000 คน
นายสถาพร ขันธรักษ์วงศ์ ประธานชมรมธนาคารจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ไม่ว่าเศรษฐกิจระดับประเทศจะย่ำแย่ลงเพียงใด แต่ไม่ค่อยมีผลกระทบต่อจังหวัดตรัง ซึ่งภาคธุรกิจส่วนใหญ่เป็นการลงทุนแบบเล็กๆ ส่วนราคาพืชผลทางการเกษตรหลักก็มิได้ตกต่ำลงมาก และสักพักหนึ่งทุกอย่างก็จะปรับตัวมาสูงขึ้นอีกครั้ง ประกอบกับได้อานิสงส์จากนโยบายของทางรัฐบาล ที่ช่วยให้เกิดเงินหมุนเวียนในธุรกิจค้าขายของจังหวัดตรัง อีกทั้งจากภาวะความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศจีนกับญี่ปุ่น ก็จะช่วยให้เกิดการไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เพราะจังหวัดตรังมีความพร้อมในการรองรับ และปกตินักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ก็นิยมเดินทางมาเยือนอยู่แล้ว
