ซีคอนฯ รับมือต้นทุนวัสดุก่อสร้างพุ่ง ดึงระบบพรีแฟบ ใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูปสร้างบ้านเต็มรูปแบบ รองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหญ่ในตลาดกลาง-ล่าง แจงขึ้นราคาบ้าน 5% ทุกสินค้า เผยครึ่งปีแรกยอดขาย 590 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 1,300 ล้านบาท
นายกอบชัย ซอโสตถิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอนโฮม จำกัด กล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ในธุรกิจเกี่ยวเนื่องทำให้ต้นทุนการก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้างในทุกประเภทมีการปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาบ้านขยับสูงขึ้นตามต้นทุน ส่งผลให้ ซีคอนฯ ต้องปรับระบบการก่อสร้างใหม่ โดยหันมาใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูป เช่น เสา คาน ผนัง บันได ห้องน้ำ ซึ่งผลิตสำเร็จจากโรงงานมาใช้ในงานก่อสร้างบ่านให้แก่ลูกค้ามากขึ้น เพื่อเป็นการลดต้นทุน และแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานก่อสร้าง โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านระดับกลาง-ล่าง
โดยมีแผนจะเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูปในกลุ่มบ้านระดับกลาง-ล่างให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ที่ใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูปอยู่ 50% ของงานสร้างบ้าน ส่วนกลุ่มบ้านกลาง-บน จะยังคงสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูปไม่เกิน 5-10% ซึ่งส่วนมากชิ้นส่วนสำเร็จรูปที่ใช้ในกลุ่มบ้านตลาดบ้านกลาง-บนนั้น จะใช้เฉพาะงานเสา และคาน ส่วนงานอื่นๆ จะใช้ระบบก่ออิฐฉาบปูน และจะนำเทคโนโลยีการก่อสร้างใหม่ๆ เข้ามาใช้แทนแรงงานคน เนื่องจากกลุ่มระดับบนนั้นมีรายละเอียดมากกว่ากลุ่มบ้านระดับกลาง-ล่าง
นอกจากนี้ ยังมีการปรับเพิ่มน้ำหนักในการทำตลาดกลุ่มบ้านระดับกลาง-ล่าง ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีฐานลูกค้าใหญ่ที่สุดในตลาดเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับกับกำลังซื้อของลูกค้าทลดลง ขณะที่ราคาบ้านมีแนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากบริษัทซีคอนโฮม ซึ่งจับกลุ่มลูกค้าตลาดกลาง-บน 65% และมีรายได้จากบริษัท คอมแพ็คโฮม และบริษัท บัดเจทโฮม ซึ่งจับกลุ่มลูกค้าในตลาดกลาง-ล่าง 35% โดยคาดว่าในอนาคตสัดส่วนบ้านระดับกลาง-ล่างจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 50% หรือมากกว่านั้น หากดีมานด์ในตลาดดังกลางขยายตัวสูง
“กลุ่มบ้านระดับกลาง-บน จะเจาะตลาดที่ราคา 5-15 ล้านบาท เฉลี่ย 8 ล้านบาท หรือมีราคาขายต่อตารางเมตร (ตร.ม.) เริ่มต้นที่ 22,000 บาท ส่วนบ้านกลุ่มกลาง-ล่าง มีราคาในระดับ 1.5-4 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยอยู่ทื่ 2.6 ล้านบาท ราคาขายต่อ ตร.ม. 11,000 บาท”
นายกอบชัย กล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนแรงงานส่งผลต่อระยะเวลาการก่อสร้างบ้านให้ยืดออกไปกว่า 30% ทำให้ซีคอนต้องมีการปรับเพิ่มระยะเวลาก่อสร้างแก่ลูกค้าให้นานขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ส่งผลต่อราคาบ้านให้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปลายปี 54 เกิดน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่กทม. และปริมณฑล โดยตั้งแต่ปลายปี 54 จนถึงขณะนี้ราคาบ้านมีการปรับตัวขึ้นไปแล้วกว่า 20%
จากปัญหาดังหล่าว ซีคอนฯ จึงแก้ปัญหาโดยการนำระบบพรีแฟบมาใช้ในการก่อสร้างให้มากขึ้นเพื่อลดปัญหาต้นทุนค่าแรง การขาดแคลน สำหรับระบบพรีแฟบที่นำเข้ามาใช้ในงานก่อสร้างนั้นทำให้บริษัทสามารถลดการใช้แรงงานลงได้กว่า30-50% ของจำนวนแรงงานก่อสร้างต่อบ้าน 1 หลัง และลดระยะเวลาการก่อสร้างลงได้อย่างมาก
“สิ่งที่กังวลในอนาคตอันใกล้คือ ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งขณะนี้ก็หนักอยู่แล้ว หากใน 1-2 ปีข้างหน้านี้ โครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลเริ่มต้นขึ้น จะยิ่งทำให้แรงงานในระบบถูกดูดเข้าไปอีกจำนวนมาก ซึ่งจะยิ่งก่อปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงานให้หนักยิ่งขึ้น หากในอนาคตต้นทุนวัสดุก่อสร้าง และค่าแรงสูงขึ้นมากๆ รวมถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานรุนแรงถึงขั้นสาหัส จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบการก่อสร้างสร้างในทิศทางเดียวกับต่างประเทศ ซึ่งหันมาใช้ระบบพรีแฟบในการก่อสร้างเต็ม 100%”
“ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และการปรับขึ้นค่าแรง รวมถึงการปรับตัวของต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ทำให้บริษัทมีการปรับขึ้นราคาขายบ้านในทุกระดับเพิ่มอีก 5% โดยการปรับขึ้นราคาก่อสร้างบ้านได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1ก.ค. ที่ผ่านมา”
น.ส.สุภิชชา ชัยพิพัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เชื่อว่าการแข่งขันในตลาดรับสร้างบ้านมีสีสันมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซัน หรือฤดูการขาย ส่วนผลกระทบจากปัญหาการหดตัวของภาวะเศรษฐกิจเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจรับสร้างบ้านจนทำให้เกิดการหดตัว โดยคาดว่าตลาดรวมในครึ่งปีหลังจะทรงตัวในระดับเดิม หรือขยายตัวได้เล็กน้อย
ทั้งนี้ ในส่วนของผลการดำเนินงานของกลุ่มซีคอน ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายได้ 590 ล้านบาท เป็นไปตามเป้าที่บริษัทวางไว้ โดยยอดขายดังกล่าวมาจากบริษัท ซีคอนโฮม 49 ยูนิต คิดเป็น 390 ล้านบาท มาจาก บริษัท คอมแพคโฮม และบัดเจทโฮม รวม 78 ยูนิต คิดเป็น 200 ล้านบาท ส่วนเป้ายอดขายทั้งปีวางไว้ที่ 1,300 ล้านบาท