xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยปิดบวก 12 จุด คาดตลาดยังผันผวนแนะจับตาจ้างงานสหรัฐฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หุ้นไทยปิดบวก 12.08 จุด อยู่ที่ระดับ 1,463.98  จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,957.83 ล้านบาท จากแรงซื้อหลังหุ้นพักฐาน และความกังวล QE ผ่อนคลายลง แนะจับตาอาจมีดัชนีแกว่งตัวไซด์เวย์ ขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยใหม่

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (2 ก.ค.) ปิดที่ระดับ 1,463.98 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.08 จุด หรือ 0.83% มูลค่าการซื้อขาย 43,957.83 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,475.08 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,452.77 จุด ภาพรวมดัชนีหลักทรัพย์   ได้รับแรงหนุนจากบริษัทหลักทรัพย์กลับมาปิดบวก หลังจากที่หุ้นลงปรับฐานมาหลายวัน

หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น 411 หลักทรัพย์ ลดลง 284 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 161 หลักทรัพย์

การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 1,088.68 ล้านบาท  นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 618.45  ล้านบาท ขณะที่ สถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 535.99 ล้านบาท  และนักลงทุนทั่วไป ขายสุทธิ 1,171.13 ล้านบาท

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

BAY         ปิดที่ 37.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 4.23% มูลค่าการซื้อขาย 3,164,916  ล้านบาท
INTUCH   ปิดที่ 87.00 บาท  มูลค่าการซื้อขาย 2,738,57  ล้านบาท
KBANK    ปิดที่ 189.50 บาท ลดลง -1.50 บาท หรือ -0.79% มูลค่าการซื้อขาย 2,196,694  ล้านบาท
ADVANC  ปิดที่ 290.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท หรือ 2.84% มูลค่าการซื้อขาย 2,130,899 ล้านบาท
KTB        ปิดที่ 20.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 2.46% มูลค่าการซื้อขาย 1,991,541 ล้านบาท

นางจิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า หุ้นไทยยังคงอยู่ในสภาวะผันผวนต่อเนื่อง จากที่เปิดตลาดภาคเช้าปรับบวกขึ้นกว่ามา 20 จุด และปรับตัวลดลงมา และดีดตัวขึ้นไปใหม่ยังคงผันผวนอยู่ในกรอบ 1,450 จุด และเมื่อดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้นไปถึง 1,480 จุด ก็จะเจอแรงขายทำกำไรทางเทคนิคออกมา ส่วนหนึ่งจากตลาดหุ้นไทยที่เริ่มมีแรงซื้อบวกเข้ามา และผ่านช่วงที่มีแรงขายหนักๆ จากการปรับฐานลงมาแล้ว โดยในช่วงที่ตลาดลงแรง 1,350-1,400 และเป็นช่วงที่ค่า P/E ถูกมาก

ทั้งนี้ สิ่งที่นักลงทุนต้องจับตามองเป็นพิเศษภาคการจ้างงานในตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมา ซึ่งจะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะกำหนดว่าจะคงมาตรการ QE ไว้หรือจะยกเลิก ขณะเดียวกัน กระแสข่าวลือของการปรับลด GDP ของ โกลด์แมน แซคส์ ที่ประกาศออกมานั้น อาจจะไม่กระทบต่อตลาดหุ้นไทยเท่าไหร่นัก เพราะก่อนหน้านี้ สถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่างๆ ได้ประกาศออกมาในทิศทางเดียวกัน และตลาดหุ้นไทยเองก็ผ่านวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายนั้นมาแล้ว    

ในส่วนความกังวลภาคธุรกิจของจีน ที่อาจจะหมีลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะกระทบต่อภาคธุรกิจของไทยนั้น  ผู้ว่าการธนาคารของประเทศจีน ได้ประกาศออกมาแล้วว่าเป็นเพียงระยะสั้นๆ ชั่วคราวเท่านั้น  อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้อาจจะมีแนวโน้มกลับมาพักฐานอีกครั้งหลังจากที่มีแรงซื้อบวกมาหลายวัน อาจจะมีโอกาสปิดในแดนลบ แต่ไม่มากนัก แต่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,480 จุด โดยหุ้นกลุ่มที่ยังน่าลงทุนได้แก่ กลุ่มธนาคาร กลุ่มไอซีที ซึ่งราคาปรับตัวลงมามาก

ทางด้านนายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก กล่าวว่า ราคาทองไตรมาส 3 ยังเป็นขาลง หลังตลาดยังกังวลเฟดเลิก QE ราคาทองคำในช่วงไตรมาสที่ 3/2556 คาดว่ายังมีโอกาสแกว่งตัวลงตามเทรนด์หลัก หลังจากนักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะชะลอมาตรการ QE ในช่วงปลายปีนี้ แต่อย่างไรก็ดี กรอบการปรับตัวลดลงเริ่มจำกัดลง ซึ่งมองว่าแนวรับใหญ่จะอยู่ที่ระดับ 1,150 หรือ 1,100 ดอลลาร์/ออนซ์

โดยในช่วงเดือน ส.ค. แนะนำให้นักลงทุนจับตาความต้องการทองคำของประเทศอินเดียในเทศกาลแต่งงานประกอบกัน ซึ่งในช่วงดังกล่าวของทุกๆ ปี ราคาทองคำมีโอกาสผันผวนแรง แต่มองว่าสำหรับปีนี้ประเด็นดังกล่าวอาจไม่เป็นปัจจัยบวกกระตุ้นราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นได้ เพราะนักลงทุนกังวลเรื่องมาตรการ QE ชะลอตัวมากกว่า นอกจากนี้ให้นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ประกอบกัน

ส่วนทิศทางราคาทองคำในช่วงปลายปี คาดว่าจะมีจุดต่ำสุดประมาณ 1,200-1,250 ดอลลาร์/ออนซ์ ภายใต้เงื่อนไขเฟดแค่ชะลอมาตรการ QE ลงในช่วงปลายปี แต่ถ้าหากเฟดยุติ QE มีโอกาสกดดันราคาทองร่วงแรงซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2557  ขณะที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์แห่ลดถือครองทองคำ แตะจุดต่ำสุดในรอบ 6 ปี ขณะยอดขาย “เหรียญทอง อีเกิล” ลดลงเช่นกัน

คณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ของสหรัฐฯ รายงานว่า ผู้จัดการกองทุน และกองทุนเฮดจ์ฟันด์ปรับลดการถือครองสถานะซื้อในสัญญาล่วงหน้าทอง และออปชันทองลงในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 มิ.ย. โดยปรับลดลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 6 ปี ขณะที่ราคาทองดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 3 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น