“มอร์นิ่งสตาร์” เผยปี 56 ทริกเกอร์ฟันด์สุดฮิต มีการตั้งไปแล้ว 63 กองตั้งแต่ต้นปี ยอดระดมทุนมีมูลค่าสูงกว่า 5.48 หมื่นล้านบาท โดยพบว่าเกือบ 90% ลุยลงทุนในตลาดหุ้นไทย
นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์กองทุน บจ.มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ ที่ออกมาขายตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (4 มิ.ย.2556) มี 63 กองทุน มูลค่าสินทรัพย์สุทธิรวมกันประมาณ 54,791 ล้านบาท เป็นกองทุนทริกเกอร์ที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากที่สุด 89.55% มี 51 กองทุน มูลค่าสินทรัพย์สุทธิรวมกัน 49,068 ล้านบาท รองลงมาเป็นกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ ที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ 10.25% จำนวน 11 กองทุน มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 5,616 ล้านบาท และกองทุนทริกเกอร์ ที่ลงทุนในทองคำ 1 กองทุน มูลค่า 106 ล้านบาท
โดยช่วงที่ออกมากที่สุดคือ ในไตรมาสที่ 1/56 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมของกองทุนทริกเกอร์ทุกนโยบายรวมกันมากเกือบ 40,000 ล้านบาท ซึ่งดูจะเป็นกองทุนที่ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนไทยพอสมควร ทั้งนี้ มีกองทุนทริกเกอร์ ฟันด์ หุ้นไทยถึงเป้าหมายปิดกองทุนไปแล้ว 13 กอง ทุน มูลค่า 17,660 ล้านบาท เหลือเงินลงทุนในของกองทุนทริกเกอร์ ฟันด์ ในตลาดหุ้นไทย ประมาณ 31,408 ล้านบาท ในขณะที่กองทริกเกอร์ ฟันด์ นโยบายอื่นยังไม่มีกองทุนไหนบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
สำหรับกองทุนทริกเกอร์ ฟันด์ ที่ลงทุนในหุ้นไทย ในช่วงตั้งแต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดดอกเบี้ยและหุ้นตก นับจากวันที่ 28 พ.ค.2556 มีออกทั้งหมด 9 กองทุน แต่จะสังเกตได้ว่า ขนาดของกองทุนเล็กกว่าเมื่อตอนต้นปีมาก อาจเป็นเพราะนักลงทุนยังไม่มั่นใจมากนักต่อสถานการณ์การลงทุน ประกอบกับหลายกองทุนที่ลงทุนมาตั้งแต่ต้นปี ก็ยังทำผลตอบแทนได้ไม่ถึงเป้าหมาย มากไปกว่านั้นหลายกองทุนมีผลตอบแทนติดลบด้วยซ้ำไป
อย่างไรก็ตาม ในช่วงอาทิตย์นี้ และอาทิตย์หน้าก็ยังมีอีกหลายกองทุนที่กำลังเสนอ IPO อยู่ตอนนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยกำลังปรับฐาน ซึ่งเป็นจังหวะให้หลาย บลจ.ทยอยส่งกองทุนทริกเกอร์ ฟันด์ ออกมา เพราะมองเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน
“แต่นักลงทุนต้องไม่ลืมว่า กองทุนทริกเกอร์ ฟันด์ ไม่มีการรับประกันผลตอบแทนแต่ประการใด และมีโอกาสขาดทุนได้เช่นกัน และในช่วงหลังเป็นที่น่าสังเกตว่า หลายกองทุนมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้ผลตอบแทน จากการให้ผลตอบแทนครั้งเดียว ยกตัวอย่าง 8%, 10% เป็นทยอยคืนครั้งละ 3% หรือ 4% สองครั้ง ดังนั้น กลงทุนควรจะศึกษารายละเอียดก่อนลงทุนด้วย ในส่วนของกองทุนทริกเกอร์ ฟันด์ ที่มีนโยบายลงทุนหุ้นต่างประเทศ มีสัดส่วนค่อนข้างน้อย และผลตอบแทนก็ยังคงติดลบอยู่ค่อนข้างมาก บางกองทุนติดลบมากถึง -16% เช่นเดียวกับกองทุนทริกเกอร์ทองคำ ที่ซบเซาไปตามภาวะตลาดในช่วงที่ผ่านมา”
ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) โซลาริส มองว่า กองทุนทริกเกอร์ ฟันด์ ความสำเร็จกว่า 80% มาจากการออกกองทุนในช่วงที่ผ่านมามีกองทุนทริกเกอร์ ฟันด์ ออกไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งกองทุนประเภทนี้ช่วยสร้างกรอบการเคลื่อนไหวให้แก่ตลาดหุ้นไทยไปในตัว คือ เมื่อตลาดหุ้นปรับตัวลงแรง ก็จะมีการตั้งกองทุนใหม่เข้ามาลงทุน ช่วยทำให้ตลาดปรับตัวลงไม่ลึก ในขณะที่จังหวะตลาดปรับตัวขึ้นเมื่อถึงระดับหนึ่ง กองทุนที่ถึงเป้าหมายก็จะขายหุ้นปิดกองทุน ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นต่อได้ยากเช่นกัน