ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทยแย้งข่าวลือตั้งกองทุนพยุงหุ้น ไม่มีความจำเป็น เพราะตลาดหุ้นไทยเฉลี่ยวอลุ่มซื้อขายต่อวันสูงอยู่แล้ว การที่ฝรั่งย้ายเงินทุนกลับประเทศพักฐานเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน และเศรษฐกิจหุ้นไทยยังดีอยู่ มองภาพรวมเศรษฐกิจประเทศทั้งปีคาดโตไม่ต่ำกว่า 4%
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า จากกรณีข่าวลือเรื่องการจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้นนั้น ไม่มีความจำเป็น แม้ว่าจะเป็นแรงเทขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่องในตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่ไม่ใช่เพียงแต่ตลาดหุ้นไทยเท่านั้นที่ดัชนีการซื้อขายตกลงมา ตลาดหุ้นทั่วโลกก็มีได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยในภูมิภาคเอเชียในตลาดหุ้นกลุ่ม TIP ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย มีแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติมากที่สุด โดยดัชนีการซื้อขายลงมากกว่าในตลาดหุ้นไทยมากนัก
“การประเมินสภาพคล่องดัชนีหุ้นไทยในขณะนี้ ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูง การที่เฟดประกาศออกมาก็ยังไม่ได้มีการยกเลิกการอัดฉีดเงินเข้าระบบในทันที ทำให้ขณะนี้ยังมีเงินหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะสะดุดลงไปบ้าง แต่ในระยะเวลาไม่นาน สถานการณ์โดยรวมคาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง”
ทั้งนี้ การที่ตลาดหุ้นไทยจะมีการปรับตัวขึ้นได้ อาจจะต้องรอให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ส่วนหนึ่งนั้นมาจากนโยบายภาครัฐ และการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนในประเทศยังคงทำกำไรได้ดีมาก ซึ่งมองในภาพรวมทิศทางตลาดหุ้นไทยยังเป็นบวก และอัตราดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยจะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ ทั้งนี้ หุ้นที่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้น เป็นอันดับแรกคือ กลุ่มธนาคาร เนื่องจากความผันผวนของราคาหุ้นกลุ่มนี้มีการปรับตัวที่ค่อนข้างรวดเร็ว และอ่อนตัวลงไปมาก การฟื้นตัวของกลุ่มนี้จะมาจากปัจจัยภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ จึงมีความเสี่ยงในการลงทุนน้อยกว่า จึงมีความสนใจที่น่าเข้าไปลงทุน ส่วนกลุ่มพลังงาน และกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ก็จะมีโอกาสฟื้นตัว แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยด้านอื่นๆ จะยังไม่เอื้อประโยชน์มากนัก อาจจะทำให้การฟื้นตัวเป็นไปได้ช้า
ขณะเดียวกันเศรษฐกิจในประเทศต่อจากนี้คาดว่าจะเติบโตกว่า 4% มองว่าเป็นอัตราการเติบโตในระดับที่ดี รวมถึงบริษัทจดทะเบียนในประเทศยังมีความสามารถในการทำกำไรสูง แม้ว่าภาคการส่งออกจะเติบโตค่อนข้างช้าในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งนั้นมาจากการได้รับแรงหนุนจากนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน สามารถผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตได้ ทำให้นักลงทุนในประเทศมีความมั่นใจมากขึ้น รวมถึงนักลงทุนต่างชาติมีความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นด้วย