ผู้ว่าการ ธปท. เผยแบงก์ยังไม่ลดดอกเบี้ย เพราะไม่มั่นใจ “ตลาดเงิน-สภาพคล่อง” ยังผันผวน ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนามีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับพายุการเงินโลก ยอมรับ ศก.ไทยชะลอตัวลงกว่าที่คาดไว้ ส่วนบาทกลับมาแข็งเร็ว เพราะทุนใหญ่จบดีลซื้อกิจการต่างประเทศ
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) กล่าวว่า ธปท. ยังไม่จำเป็นต้องเรียกประชุมธนาคารพาณิชย์ หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่ธนาคารพาณิชย์ยังไม่ปรับลดดอกเบี้ยลงตาม โดยเป็นเพียงการให้เจ้าหน้าที่ไปสอบถามถึงสาเหตุที่ธนาคารพาณิชย์ยังไม่ลดดอกเบี้ยตามดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากไม่มั่นใจในสถานการณ์การเงินในตลาดโลกที่มีความผันผวนสูง จึงต้องติดตามข้อมูลต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมามีเงินทุนต่างชาติไหลออกจากไทย
ดังนั้น ต้องพิจารณาสภาพคล่องในระบบการเงิน รวมทั้งการแข่งขันของธนาคารในการระดมเงินฝากเพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อที่ขยายตัวสูง ประกอบกับมีข่าวว่าประเทศกำลังพัฒนา เช่น บราซิล มีการปรับดอกเบี้ยขึ้นเพื่อรักษาสภาพคล่องในประเทศไว้ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่สร้างความไม่แน่นอนให้แก่สภาพคล่องระบบการเงิน
ส่วนอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่เติบโตลดลงนั้น ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าวว่า ก็เป็นการสอดคล้องกับนโยบายของทางการจีนที่เน้นเศรษฐกิจแบบมีคุณภาพ ดังนั้น อัตราการขยายตัวก็จะชะลอลงบ้าง ซึ่งเชื่อว่าจีนคงไม่มีมาตรการพิเศษออกมากระตุ้น ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะกระทบต่อการส่งออกของไทยให้ชะลอตัวตามมากน้อยแค่ไหนต้องติดตามข้อมูล ส่วนผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยนั้น ก็ต้องติดตามดูเช่นกัน เพราะขณะนี้เศรษฐกิจไทยก็ชะลอตัวลงกว่าที่คาดไว้อยู่แล้ว
ส่วนทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่กลับมาเริ่มแข็งค่าขึ้น จากระดับ 31.18 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มาเคลื่อนไหวประมาณ 30.55 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายประสาร กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่ทำให้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าเร็วมาจากอะไร แต่เข้าใจว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้มีความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดสูง เพราะมีเอกชนไทยเพื่อซื้อกิจการของต่างประเทศ แต่เมื่อดีลดังกล่าวยุติ ความต้องการซื้อดอลลาร์ที่น้อยลง อาจจะทำให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นก็เป็นได้ เป็นเรื่องธรรมดาของการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยน