หุ้นไทยเปิดตลาดร่วง 50 จุด ตามภูมิภาค หลังดาวโจนส์ร่วง 126 จุดเมื่อคืน นักลงทุนกังวลมากขึ้นว่าเฟดอาจลดวงเงินซื้อพันธบัตร ธนาคารโลกปรับลดจีดีพีโลก หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้น
ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดเช้า (13 มิ.ย.) ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,385.08 จุด 50.12 จุด แรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติยังมีออกมาต่อเนื่องจากวันก่อนๆ หลังจากตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดิ่งกว่า 800 จุด ตลาดหุ้นฮ่องกง ร่วงกว่า 500 จุด ตอบรับดัชนีตลาดุห้นดาวโจนส์เมื่อคืนที่ร่วงลงกว่า 126 จุด
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุถึงแนวโน้มการลงทุนหุ้นไทย วันนี้ (13 มิ.ย.) ว่า แนวโน้มและปัจจัยการลงทุนวันนี้ กังวลเฟดลดวงเงิน QE โดย SET วานนี้ (12 มิ.ย.) เปิดตลาดปรับตัวลดลงทันที -18.56 จุด และปรับลงระดับต่ำสุดของวันที่ 1,422 จุด แม้จะสามารถรีบาวนด์กลับขึ้นมาซื้อขายในแดนบวกในช่วงเปิดตลาดภาคบ่าย แต่แรงขายที่มีอย่างต่อเนื่องกดดัน SET ปิดที่ 1,433.47 จุด ปรับลดลง 19.16 จุด (-1.32%) เนื่องจากความกังวลที่เฟดอาจจะปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรลง
กอปรกับเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มอ่อนแอลงกว่าคาด ธปท. อาจจะปรับลดเป้าหมายการเติบโตเศรษฐกิจไทยในปี 56 ลงจากเดิมที่ 5.1% ในการประชุม กนง. ในเดือน ก.ค. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 เพิ่มอีก 5,855 ล้านบาท (ขายสุทธิ 34,025 ล้านบาท ตั้งแต่ 3 มิ.ย. -12 มิ.ย.) ขณะที่นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิลดลงที่ 335 ล้านบาท
ปัจจัยการลงทุนวันนี้
- ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลกลงสู่ 2.2% ในปีนี้ จากคาดการณ์เดิมจะเติบโต 2.4% ในเดือน ม.ค. เนื่องจากเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ รวมถึงจีน และบราซิลชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
- สหรัฐฯ จะมีการประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจในวันพฤหัสบดี คือ ตัวเลขยอดขายปลีก (Bloomberg consensus คาดปรับเพิ่มขึ้น 0.5%MoM) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ (concensus คาดจำนวน 350,000 คน) หากตัวเลขที่ออกมาแข็งแกร่ง และดีเกินคาด อาจเป็นปัจจัยให้เฟดพิจารณาปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้
ทั้งนี้ การปรับลดลงของ SET ต่อเนื่องวานนี้ ทำให้ดัชนีปรับลงมาบริเวณแนวรับสำคัญเชิง P/E Band ที่ 16 เท่า (Prospective P/E 14.3 เท่า ปี 56 และ 12.8 เท่าปี 57) โดยตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับลดลง ขณะที่ค่าเงินบาทเช้านี้อยู่ที่ 30.96 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐ ทิศทางอ่อนตัวต่อเนื่องราว 8.4% จากระดับแข็งค่าที่สุดที่ 28.55 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐ (19 เม.ย.)
ขณะเดียวกัน ยังต้องระวังแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่อาจเป็นปัจจัยกดดัน SET ทางลงที่ 1,400-1,420 จุด แต่หากแรงขายลดลง และต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ คาดว่า SET จะมีโอกาสรีบาวนด์ได้ หลังจาก SET ปรับลดลงถึง 12.8% จากระดับสูงสุดที่ผ่านมา 1,643.43 จุด (21 พ.ค.) แนะนำซื้อหุ้นเชิง Bottom Up บนความคาดหวังผลประกอบการ 2Q56 เติบโตได้ต่อเนื่องเช่น ธนาคาร พลังงาน และสื่อสาร ตามลำดับเป็นสำคัญ
“เราประเมิน SET มีความสำคัญที่ระดับ 1,420 จุด หากอยู่เหนือ 1,420 จุด คาดว่า SET จะมีโอกาสรีบาวนด์ทดสอบแนวต้าน 1,460 จุด แต่หากไม่สามารถยืนเหนือได้ ประเมินแรงขายจะต่อเนื่องกดดัน SET สู่ระดับ 1,400-1,420 จุดได้” แนวโน้มการลงทุนสำหรับระยะกลาง โดยคงสถานะพอร์ตลงทุนเป็น 90% ในหุ้น และถือครองเงินสดเพียง 10%
Accumulate: ซื้อสะสมหุ้น
Trading: เหนือ 1,420 จุด ซื้อเก็งกำไรสั้น ถ้าต่ำกว่า 1,420 จุดแนะนำ รอดู
