“ไทยพาณิชย์” ยันยังไม่ปรับเป้าสินเชื่อเอสเอ็มอี แม้เศรษฐกิจไตรมาสแรกจะต่ำกว่าเป้า การบริโภคชะลอตัว มั่นใจทั้งปีโตได้ตามเป้า 20% รับบาทแข็งกระทบผู้ส่งออก แต่เชื่อปรับตัวได้
นายศิริชัย สมบัติศิริ รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) กล่าวว่า จากกรณีที่ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตทางเศรฐกิจที่ต่ำกว่าคาดการณ์ รวมถึงภาคการบริโภคที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงนั้น ปัจจุบันภาคธุรกิจเอสเอ็มอีของธนาคารยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ และจะยังไม่มีการปรับเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อเอสเอ็มอีที่ตั้งเป้าไว้ 20% กว่า
ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารมียอดคงค้างสินเชื่อเอสเอ็มอีที่ 340,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 20% และคาดว่าสิ้นปีจะอยู่ที่ระดับ 360,000-370,000 ล้านบาท โดยคาดว่าแม้ปีนี้จะมีเม็ดเงินจากการกระตุ้นเศรษฐกิจมาหลายๆ โครงการอย่างปีก่อน แต่ทางรัฐบาลก็คงจะมีเม็ดเงินที่จะออกมาจากโครงการสาธารณูปโภคออกมาก็น่าจะทดแทนได้บ้างส่วน
“เศรษฐกิจไตรมาสแรกต่ำกว่าที่คาด การบริโภคชะลอตัวลง แต่ไม่ได้หดตัว ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะมาจากฐานปีก่อนที่สูง เพราะมีเงินจากน้ำท่วม จากโครงการรถคันแรกออกมากระตุ้นเยอะ แต่ปีนี้มีไม่มากเท่า ซึ่งเท่าที่ดูตอนนี้ก็ยังไม่ได้กระทบต่อการปล่อยกู้ของเรา จึงยังไม่มีการปรับเป้าหมายแต่อย่างใด”
ส่วนกรณีผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าต่อผู้ประกอบการส่งออกนั้น ก็มีผลกระทบบ้าง ธนาคารก็ได้แนะนำให้ทำประกันความเสี่ยง แต่ก็ต้องยอมรับว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังทำประกันความเสี่ยงกันน้อย ซึ่งในส่วนของลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคารก็มีบ้างที่มีปัญหา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ตั้งแต่การเพิ่มค่าแรง จนถึงมาอัตราแลกเปลี่ยน โดยธนาคารก็คำแนะนำให้ผู้ประกอบปรับตัว ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของธุรกิจที่ต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา
นายศิริชัย สมบัติศิริ รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) กล่าวว่า จากกรณีที่ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตทางเศรฐกิจที่ต่ำกว่าคาดการณ์ รวมถึงภาคการบริโภคที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงนั้น ปัจจุบันภาคธุรกิจเอสเอ็มอีของธนาคารยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ และจะยังไม่มีการปรับเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อเอสเอ็มอีที่ตั้งเป้าไว้ 20% กว่า
ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารมียอดคงค้างสินเชื่อเอสเอ็มอีที่ 340,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 20% และคาดว่าสิ้นปีจะอยู่ที่ระดับ 360,000-370,000 ล้านบาท โดยคาดว่าแม้ปีนี้จะมีเม็ดเงินจากการกระตุ้นเศรษฐกิจมาหลายๆ โครงการอย่างปีก่อน แต่ทางรัฐบาลก็คงจะมีเม็ดเงินที่จะออกมาจากโครงการสาธารณูปโภคออกมาก็น่าจะทดแทนได้บ้างส่วน
“เศรษฐกิจไตรมาสแรกต่ำกว่าที่คาด การบริโภคชะลอตัวลง แต่ไม่ได้หดตัว ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะมาจากฐานปีก่อนที่สูง เพราะมีเงินจากน้ำท่วม จากโครงการรถคันแรกออกมากระตุ้นเยอะ แต่ปีนี้มีไม่มากเท่า ซึ่งเท่าที่ดูตอนนี้ก็ยังไม่ได้กระทบต่อการปล่อยกู้ของเรา จึงยังไม่มีการปรับเป้าหมายแต่อย่างใด”
ส่วนกรณีผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าต่อผู้ประกอบการส่งออกนั้น ก็มีผลกระทบบ้าง ธนาคารก็ได้แนะนำให้ทำประกันความเสี่ยง แต่ก็ต้องยอมรับว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังทำประกันความเสี่ยงกันน้อย ซึ่งในส่วนของลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคารก็มีบ้างที่มีปัญหา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ตั้งแต่การเพิ่มค่าแรง จนถึงมาอัตราแลกเปลี่ยน โดยธนาคารก็คำแนะนำให้ผู้ประกอบปรับตัว ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของธุรกิจที่ต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา