“ริชี่เพลส” รุกอสังหาฯ เต็มสูบ ประกาศลงทุนเพิ่มปีละ 3-4 โครงการ ปี 56 เตรียมเปิดโครงการใหม่ไม่น้อยกว่า 4 โครงการ ทั้งแนวราบ-แนวสูง มูลค่ารวมกว่า 5,700 ล้านบาท ยันสิ้นปีรายได้แตะ 3,000 ล้านบาท
นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริซี่เพลซ 2002 จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทจะรุกตลาดที่อยู่อาศัยครั้งใหญ่ในรอบ 11 ปี นับจากเปิดดำเนินกิจการ โดยมีแผนจะลงทุนปีละอย่างน้อย 3-4 โครงการ จากเดิมที่พัฒนาปีละ 1-2 โครงการเท่านั้น ซึ่งในปีนี้บริษัทมีแผนลงทุนโครงการ 4 โครงการ มูลค่า 5,700 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่จะพัฒนาในปีนี้ ได้แก่ คอนโดมิเนียม ริชพาร์ค 2 @ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ จำนวน 735 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.7 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 50% ส่วนอีก 3 โครงการที่เหลือจะได้แก่ คอนโดฯ ย่านไทรม้า อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าไทรม้าเพียง 100 เมตร โดยมีแผนพัฒนาเป็นอาคารสูง 33 ชั้น จำนวน 650 ยูนิต ภายใต้แบรนด์ ริชพาร์ค@ริเวอร์ ราคาเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท เปิดขายในช่วงครึ่งปีหลังนี้
นอกจากนี้ยั งเตรียมพัฒนาคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีลาดพร้าวอีก 1 โครงการ เนื้อที่กว่า 3 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างวางผัง และออกแบบโครงการ และโครงการบ้านแนวราบย่านราชพฤกษ์ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ จำนวน 140 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 3.5-5 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 600 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการรอขาย 6 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท มูลค่าโดยส่วนใหญ่จะมียูนิตเหลือขายจำนวนไม่มากประมาณ 5-10% ยกเว้นโครงการเดอะริช บิซ โฮม สุขุมวิท 105 ซึ่งเป็นทาวน์โฮม เพิ่งเปิดช่วงกลางปีที่แล้ว ขณะนี้มียอดขาย 30%
ส่วนเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 4,000 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ 3,000 ล้านบาท ซึ่งยอดขายในปีนี้ถือว่าเติบโตขึ้นอย่างมาก เนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมที่จะทยอยสร้างเสร็จ และส่งมอบในปีนี้ 5 โครงการ จากทั้งหมด 6 โครงการ ซึ่งปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ 6,000 ล้านบาท
“บริษัทยังไม่เห็นสัญญาณฟองสบู่ และเชื่อว่าไม่น่าเกิด หรือจะเกิดก็เกิดบางทำเล เช่น ทำเลสุขุมวิทตอนปลาย กับย่านรัชดา เริ่มเห็นโอเวอร์ซัปพลายบ้างแล้ว แต่เราจะเน้นการลงทุนในทำเลติดรถไฟฟ้าเป็นหลัก แม้ว่าที่ดินจะมีราคาแพงก็ตาม เพราะทำเลเหล่านี้มีความต้องการสูง” ดร.อาภา กล่าว
นอกจากนี้ใ นปีนี้บริษัทมีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่เพื่อรองรับแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และการเติบโตในอนาคต โดยว่าจ้างที่ปรึกษาด้านการเงินเข้ามาดูแลทางการเงินเรียบร้อยแล้ว จึงเป็นที่มาของการรุกตลาดดังกล่าว