“ศรีราชาคอนสตรัคชั่น” โชว์ผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 56 มีกำไรสุทธิ 144 ล้านบาท สร้างรายได้รวม 500 ล้านบาท เจรจางานโครงการใหม่ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ กว่า 17,000 ล้านบาท วงการคาดเข้า SET 100 เร็วๆ นี้
นายกฤษฎา โพธิสมภรณ์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศรีราชาคอนสตรัคชั่น หรือ SRICHA ผู้เชี่ยวชาญงานรับเหมาก่อสร้างโลหะในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ (Mechanical Engineering) เปิดเผยว่า “ผลประกอบการไตรมาส 1/2556 มีรายได้รวม 500 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 144 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิ หรือเน็ตมาร์จิ้นเท่ากับ 29% และมีกำไรต่อหุ้น (EPS) 45 สตางค์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นผลประกอบการที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2555 ซึ่งมีรายได้รวม 569 ล้านบาท และกำไรสุทธิ จำนวน 215 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ อยู่ในช่วงเริ่มต้นของงานก่อสร้างโครงการใหม่ ซึ่งจะค่อยๆทยอยรับรู้รายได้ ทำให้มีรายได้และอัตราการกำไรสุทธิลดลง (ใช้วิธีรับรู้รายได้ตามสัดส่วนของความสำเร็จของงาน) อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีปริมาณงานในมือ 2,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยงานก่อสร้างเครื่องกลในประเทศเป็นส่วนใหญ่ และยังมีงานซ่อมบำรุงที่ประเทศมาดากัสการ์อีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจางานโครงการใหม่ๆ จำนวนมาก ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ มูลค่ารวมกว่า 17,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยทราบผลในช่วงครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเน้นการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ และส่งมอบงานได้สมบูรณ์แบบ และตรงเวลา
"ขณะนี้มีปริมาณงานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในประเทศออสเตรเลีย และทวีปแอฟริกา ซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงกว่าโครงการละ 50,000-200,000 ล้านบาท เช่น โรงงานเหมืองแร่ โรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งโครงการเหล่านี้ล้วนต้องใช้งานโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ และงานติดตั้งเครื่องจักรขนาดใหญ่ ซึ่ง SRICHA มีความเชี่ยวชาญ และเป็นพันธมิตรกับบริษัทรับเหมายักษ์ใหญ่ระดับโลกที่เชี่ยวชาญงานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งทั้งบริษัทฯ อเมริกัน และญี่ปุ่น จึงมีความเชื่อมั่นว่ามีโอกาสจะได้รับงานก่อสร้างขนาดใหญ่เช่นกัน” นายกฤษฎากล่าว
บริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ Sriracha Construction Public Company หรือ บมจ.ศรีราชาคอนสตรัคชั่น (SRICHA) ก่อตั้งเมื่อปี 2537 โดยนายบุญเครือ เขมาภิรัตน์ กรรมการผู้จัดการ และกลุ่มทีมงานวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญกว่า 12 ท่าน เพื่อดำเนินธุรกิจงานก่อสร้างโลหะ ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ (Mechanical Construction) แบบครบวงจร ได้แก่ งานออกแบบ รายละเอียดทางวิศวกรรม งานจัดหาวัตถุดิบในการผลิต โดยมุ่งเน้นการรับงานก่อสร้างโลหะในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก ด้วยทุนจดทะเบียน 310 ล้านบาท บริษัทฯ มีจุดเด่นอยู่ที่ทีมงานวิศวกรระดับสูงที่มีประสบการณ์ในงานรับเหมาก่อสร้างงานโลหะหรือเครื่องกลมากกกว่า 20 ปี ความสามารถในการรับงานที่ใช้ความเชี่ยวชาญสูง และสามารถส่งมอบงานได้ตรงเวลา รวมถึงสถิติการทำงาน ก่อสร้างที่ปลอดภัยไม่มีอุบัติเหตุ และมีประสบการณ์รับเหมาก่อสร้างโรงงานมากว่า 50 โครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมพลังงาน โรงกลั่นน้ำมัน โรงไฟฟ้า โรงงานปิโตรเคมี โรงถลุงแร่ โรงงานอาหารและเกษตรขนาด ใหญ่ เช่น โครงการโรงงานถลุงแร่ที่ประเทศมาดากัสการ์ มูลค่างานกว่า 7,500 ล้านบาท โครงการโรงกลั่นน้ำมันเอกซอนโมบิล (เอสโซ) ที่ประเทศสิงคโปร์ โรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ โรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ ที่จังหวัดชลบุรี และงานโรงแยกแก๊ส ประเทศกาตาร์เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับความเชื่อมั่นไว้วางใจจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างระดับโลก เช่น บริษัทฟอสเตอร์ วีลเลอร์ และ บริษัท เบคเทล จากสหรัฐอเมริกา และบริษัท เจจีซี (JGC) จากประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตโครงสร้างเหล็กระดับสูงถึง 20,000 ตันต่อปี และกำลังการผลิต และติดตั้งระบบท่อ 1,000,000 db ต่อปี
นายกฤษฎา โพธิสมภรณ์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศรีราชาคอนสตรัคชั่น หรือ SRICHA ผู้เชี่ยวชาญงานรับเหมาก่อสร้างโลหะในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ (Mechanical Engineering) เปิดเผยว่า “ผลประกอบการไตรมาส 1/2556 มีรายได้รวม 500 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 144 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิ หรือเน็ตมาร์จิ้นเท่ากับ 29% และมีกำไรต่อหุ้น (EPS) 45 สตางค์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นผลประกอบการที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2555 ซึ่งมีรายได้รวม 569 ล้านบาท และกำไรสุทธิ จำนวน 215 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ อยู่ในช่วงเริ่มต้นของงานก่อสร้างโครงการใหม่ ซึ่งจะค่อยๆทยอยรับรู้รายได้ ทำให้มีรายได้และอัตราการกำไรสุทธิลดลง (ใช้วิธีรับรู้รายได้ตามสัดส่วนของความสำเร็จของงาน) อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีปริมาณงานในมือ 2,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยงานก่อสร้างเครื่องกลในประเทศเป็นส่วนใหญ่ และยังมีงานซ่อมบำรุงที่ประเทศมาดากัสการ์อีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจางานโครงการใหม่ๆ จำนวนมาก ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ มูลค่ารวมกว่า 17,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยทราบผลในช่วงครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเน้นการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ และส่งมอบงานได้สมบูรณ์แบบ และตรงเวลา
"ขณะนี้มีปริมาณงานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในประเทศออสเตรเลีย และทวีปแอฟริกา ซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงกว่าโครงการละ 50,000-200,000 ล้านบาท เช่น โรงงานเหมืองแร่ โรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งโครงการเหล่านี้ล้วนต้องใช้งานโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ และงานติดตั้งเครื่องจักรขนาดใหญ่ ซึ่ง SRICHA มีความเชี่ยวชาญ และเป็นพันธมิตรกับบริษัทรับเหมายักษ์ใหญ่ระดับโลกที่เชี่ยวชาญงานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งทั้งบริษัทฯ อเมริกัน และญี่ปุ่น จึงมีความเชื่อมั่นว่ามีโอกาสจะได้รับงานก่อสร้างขนาดใหญ่เช่นกัน” นายกฤษฎากล่าว
บริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ Sriracha Construction Public Company หรือ บมจ.ศรีราชาคอนสตรัคชั่น (SRICHA) ก่อตั้งเมื่อปี 2537 โดยนายบุญเครือ เขมาภิรัตน์ กรรมการผู้จัดการ และกลุ่มทีมงานวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญกว่า 12 ท่าน เพื่อดำเนินธุรกิจงานก่อสร้างโลหะ ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ (Mechanical Construction) แบบครบวงจร ได้แก่ งานออกแบบ รายละเอียดทางวิศวกรรม งานจัดหาวัตถุดิบในการผลิต โดยมุ่งเน้นการรับงานก่อสร้างโลหะในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก ด้วยทุนจดทะเบียน 310 ล้านบาท บริษัทฯ มีจุดเด่นอยู่ที่ทีมงานวิศวกรระดับสูงที่มีประสบการณ์ในงานรับเหมาก่อสร้างงานโลหะหรือเครื่องกลมากกกว่า 20 ปี ความสามารถในการรับงานที่ใช้ความเชี่ยวชาญสูง และสามารถส่งมอบงานได้ตรงเวลา รวมถึงสถิติการทำงาน ก่อสร้างที่ปลอดภัยไม่มีอุบัติเหตุ และมีประสบการณ์รับเหมาก่อสร้างโรงงานมากว่า 50 โครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมพลังงาน โรงกลั่นน้ำมัน โรงไฟฟ้า โรงงานปิโตรเคมี โรงถลุงแร่ โรงงานอาหารและเกษตรขนาด ใหญ่ เช่น โครงการโรงงานถลุงแร่ที่ประเทศมาดากัสการ์ มูลค่างานกว่า 7,500 ล้านบาท โครงการโรงกลั่นน้ำมันเอกซอนโมบิล (เอสโซ) ที่ประเทศสิงคโปร์ โรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ โรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ ที่จังหวัดชลบุรี และงานโรงแยกแก๊ส ประเทศกาตาร์เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับความเชื่อมั่นไว้วางใจจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างระดับโลก เช่น บริษัทฟอสเตอร์ วีลเลอร์ และ บริษัท เบคเทล จากสหรัฐอเมริกา และบริษัท เจจีซี (JGC) จากประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตโครงสร้างเหล็กระดับสูงถึง 20,000 ตันต่อปี และกำลังการผลิต และติดตั้งระบบท่อ 1,000,000 db ต่อปี