“กิตติรัตน์” เผยนัดเอกชนหารือ “กนง.-ธปท.” ดูแลปัญหาบาทแข็งร่วมกัน ลั่นวันจันทร์ 13 พ.ค.นี้ แม้จะเป็นวันหยุดราชการแต่ภาคเอกชนไม่หยุด จะถือโอกาสมาคุยที่ทำเนียบฯ เพื่อกำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยน
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้นัดประชุมร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการภาคเอกชนกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อหารือถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทในวันที่ 13 พ.ค.นี้ และหาทางออกในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม เห็นว่าขณะนี้ยังไม่อยู่ในจังหวะที่จะต้องออกมาตรการใดเพิ่มเติมสำหรับการดูแลค่าเงินบาท แต่จะให้มีการทำงานร่วมกันจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู่ จากที่ก่อนหน้านี้ กนง. จะคำนึงถึงเสถียรภาพด้านราคา โดยยึดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเป็นหลักการ
แต่ขณะนี้มองว่าการแข่งขันทางการค้า และปริมาณเงินในโลกที่จะส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน จำเป็นต้องทำความเข้าใจร่วมกันว่าควรจะมีเป้าหมายของอัตราแลกเปลี่ยนให้สามารถแข่งขันได้ด้วย ไม่ใช่เป็นการยึดค่าเงินบาทที่เทียบกับดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แต่ต้องอิงกับสกุลเงินของคู่ค้า และคู่แข่งด้วย
“มองว่าวันจันทร์นี้แม้จะเป็นวันหยุดราชการ แต่ภาคเอกชนไม่หยุด จะถือโอกาสมาคุยที่ทำเนียบฯ ทั้ง กนง. ภาคเอกชน หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านราคา ด้านอัตราแลกเปลี่ยน จะได้คุยกัน เพราะอดีตการทำงานยึดตัวกฎหมาย ทำให้การทำงานมีความไม่สบายใจกันขึ้น”
ขณะนี้เงินบาทถือว่ามีเสถียรภาพมากขึ้นกว่าช่วงปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะเกิดจากภาครัฐที่มีความเห็นตรงกันมากขึ้น ส่วนการดูแลค่าเงินบาทในระยะต่อไปจะมีการใช้เครื่องมือดอกเบี้ย หรือการผสมผสานนโยบายหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่ ธปท.และ กนง.จะได้ดำเนินการ ซึ่งบางมาตรการเป็นเรื่องที่ ธปท.สามารถดำเนินการได้ทันที แต่บางเรื่องที่ต้องการขอการสนับสนุนจากกระทรวงการคลังนั้นตนก็ยินดี แต่ขอให้มาตรการที่นำมาใช้มีความรัดกุมรอบคอบ
ทั้งนี้ หากมาตรการใดที่ต้องปรับปรุงข้อบังคับ หากแบงก์ชาติต้องการคลังก็พร้อมยินดี แต่ตอนนี้ยังไม่อยู่ในจังหวะที่จะทำอะไร สำหรับสถานการณ์ค่าบาทในวันนี้ ทรงตัว เปิดตลาดที่ 29.35-29.37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 29.32-29.34 ดอลลาร์สหรัฐ เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค