“ออสสิริส” คาดวอลุ่มซื้อขายทองคำปีนี้แตะแสนล้าน หลังคนแห่ซื้อในช่วงราคาลง เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทองคำแท่ง 1 บาท เพื่อตอบรับกระแสความต้องการซื้อเพิ่ม ล็อตแรกประมาณ 1-1.5 พันชิ้น คาดขายเกลี้ยงใน 1 เดือน
นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส กรุ๊ป เปิดเผยว่า ประเมินว่าแนวโน้มมูลค่าการซื้อขายทองคำของบริษัทในปีนี้จะเพิ่มขึ้น และกลับไปอยู่ในระดับ 1 แสนล้านบาทได้ หลังจากในปีที่ผ่านมา วอลุ่มการซื้อขายลดลง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับลดลงแรง ทำให้มียอดซื้อทองคำเข้ามามาก โดยบริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ทองคำแท่งขนาด 1 บาท ที่มีใบรับประกัน (1 Bath Bar Certificate) รองรับความต้องการซื้อทองที่เพิ่มขึ้น
“ราคาทองคำที่ลดลงมากในช่วงเดือน เม.ย. ทำให้คนหันมาซื้อทองคำสะสม และซื้อเพื่อลงทุนมากขึ้น ทำให้ทองคำรูปพรรณตามร้านขายทองขาดตลาด จึงเป็นจังหวะดีที่บริษัทจะออกผลิตภัณฑ์ตัวนี้มารองรับในช่วงกลางปีนี้ ล็อตแรกประมาณ 1-1.5 พันชิ้น คาดว่าจะขายหมดภายใน 1 เดือน โดยหากได้รับการตอบรับจำนวนมาก บริษัทก็สามารถผลิตเพิ่มได้ เพราะโรงงานมีกำลังการผลิตประมาณ 200-300 ชิ้นต่อเดือน”
ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายของปีแสนล้านบาทนั้น ส่วนใหญ่ 90% เป็นทองคำแท่งขนาด 5 บาท ส่วนทองคำ 1 บาท คาดปีนี้จะมียอดขายคิดเป็น 20% ของยอดขายทอง 5 บาท โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้สนใจเริ่มต้นลงทุนซื้อขายทองคำ หรือซื้อทองคำเพื่อเป็นของขวัญ และซื้อเก็บสะสมไว้เป็นมรดกให้ลูกหลาน ซึ่งทุกชิ้นมีการรับรองมาตรฐาน และมีซีเรียลนัมเบอร์
ส่วนแนวโน้มราคาทองคำช่วงสั้น 1-2 เดือนนี้ มองว่าอยู่ในช่วงขาลง แต่ในระยะใกล้คงไม่กลับไปสู่จุดต่ำสุดเดิม แต่ในระยะกลางไม่แน่ ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลังคาดราคาทองคำช่วงครึ่งปีหลังมีแนวต้านที่ 1,550-1650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และจะมีแนวรับอยู่ที่ 1,250-1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านกลยุทธ์ลงทุนช่วงที่ราคาทองคำผันผวน แนะนำให้ซื้อขายไว ทำกำไรระยะสั้น รวมถึงต้องมีวินัยในการซื้อขาย โดยควรตั้งจุดหยุดขายทุนไว้ไม่เกิน 2-3% หรือประมาณ 400-600 ล้านบาท ของราคาปัจจุบัน ส่วนลูกค้าที่ต้องการซื้อทองคำเพื่อการออม แนะนำให้ซื้อเก็บสะสม
ขณะที่ นายธนสิน กลีบลำเจียก กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า ช่วงที่ทองคำราคาผันผวนในช่วงขาลง ทำให้มีคนติดทองจำนวนมาก นักลงทุนที่ถือทองคำอยู่ที่มีต้นทุนสูง แต่ยังไม่ต้องการขาย จึงควรใช้สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า หรือโกลด์ฟิวเจอร์สในการบริหารความเสี่ยง ด้วยการเปิดสถานะ Short หรือขายล่วงหน้า เพื่อล็อคต้นทุน แต่สำหรับนักลงทุนที่มีต้องการออมทอง แนะนำให้ซื้อเก็บ
“2-3 เดือนที่ผ่านมา มีลูกค้าของบริษัทปรับพอร์ตการลงทุน จากโกลด์ฟิวเจอร์ส ไปลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิง SET 50 หรือ SET 50 Futures และ Single Stock Futures จากราคาทองคำที่อยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้ปัจจุบัน มีค่าคอมมิชชันของทั้ง 2 ตัวเป็น 20% ของสินค้าฟิวเจอร์สทั้งหมด และมีจำนวนบัญชีเพิ่มเป็น 30% ของบัญชีที่มีการซื้อขายทั้งหมด 800 บัญชี ตั้งเป้าปีนี้จะเพิ่มเป็น 50%”