ธ.ไทยพาณิชย์ ส่งสัญญาณเงินเยนไหลเข้าหากำไรในไทย หลังญี่ปุ่นอัดคิวอีต่อเนื่อง เกิดสภาพคล่องส่วนเกิน ระบุการลงทุนเหล่านี้ยังไม่สามารถแยกจำนวนเม็ดเงินออกมาได้ว่าส่วนใดเป็นการลงทุนจริง ส่วนใดเป็นแครี่เทรด เพราะสุดท้ายจะเป็นเงินลงทุนก้อนเดียวกัน
นางสุทธาภา อมรวิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า การกดดอกเบี้ยต่ำระดับ 0% และอัดฉีดสภาพคล่อง (คิวอี) จำนวนมากในญี่ปุ่นขณะนี้ ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณเยนแครี่เทรด หรือการนำเงินที่ได้รับผลตอบแทนต่ำมาลงทุนในประเทศที่ให้ผลตอบแทนสูงมากขึ้น ทำให้มีเงินบางส่วนไหลเข้ามาไทย
อย่างไรก็ตาม การลงทุนเหล่านี้ยังไม่สามารถแยกจำนวนเม็ดเงินออกมาได้ว่าส่วนใดเป็นการลงทุนจริง ส่วนใดเป็นแครี่เทรด เพราะสุดท้ายจะเป็นเงินลงทุนก้อนเดียวกัน
นางสุทธาภา กล่าวว่า สภาพคล่องส่วนเกินจากคิวอีของญี่ปุ่น จะสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ รวมทั้งไทยซึ่งมีศักยภาพขยายตัวได้ดีเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งชัดเจนแล้วว่า การใช้มาตรการคิวอีของญี่ปุ่นจะดำเนินต่อไปจนถึงปลายปี 2557
ทั้งนี้ การใช้คิวอีของญี่ปุ่นต่างจากคิวอีของสหรัฐฯ ที่ยังไม่ชัดเรื่องช่วงเวลาที่จะดำเนินการ ดังนั้น กระแสเงินทุนที่ไหลเข้าจากญี่ปุ่นจึงน่าจะส่งผลกระทบต่อไทยไม่น้อยไปกว่าการใช้คิวอีของสหรัฐฯ และคาดว่ามีผลให้เงินเยนมีแนวโน้มอ่อนค่าลงในระยะยาว และเป็นตัวกดดันค่าเงินบาทของไทย
สำหรับการใช้คิวอีของญี่ปุ่นนั้น เน้นไปที่การลดผลตอบแทนจากพันธบัตรระยะยาว และส่งเสริมให้มีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการบริโภคสินค้าคงทน และการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีนี้จะมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 62 ล้านล้านเยน หรือเพิ่มขึ้นเดือนละ 7 ล้านล้านเยน ขณะที่เมื่อพิจารณาปริมาณเงินทั้งหมดที่ธนาคารญี่ปุ่นใช้แก้ปัญหาเงินฝืดให้ได้ตามเป้าหมาย คือตั้งแต่เดือน เม.ย. ปีนี้ ถึงเดือน ธ.ค.2557 จะต้องใช้เงินทั้งสิ้นประมาณ 132 ล้านล้านเยน หรือราว 28% ของจีดีพี
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดว่า เงินบาทจะแข็งค่าต่อเนื่องไปจนถึงช่วงปลายปีนี้ โดยอยู่ที่ 29.50 บาท/100 เยน เทียบกับไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 31.10 บาท/100 เยน และปลายปี 2555 อยู่ที่ 35.30 บาท/100 เยน