กระทรวงการคลัง และแบงก์ชาติ ตอบโต้ทางหนังสือเรื่องการบริหารค่าเงิน ระบุมีความเป็นห่วงเงินทุนไหลเข้าจะมุ่งไปภาคอสังหาฯ จนเกิดปัญหาฟองสบู่ และไหลเข้าไปในตลาดหุ้น จึงมีความเป็นห่วงเรื่องอัตราเงินเฟ้อ และหากลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก อาจไม่สกัดกั้นเงินทุนไหลเข้าได้ เพราะในหลายประเทศแม้ลดอัตราดอกเบี้ยลงยังมีปัญหาเงินทุนไหลเข้า พร้อมมองว่าสูตรคำนวณดูแลเงินบาท ธปท. เป็นแบบอนุรักษ์มากกว่า “คลัง” ดังนั้น จึงควบคุมดูแลได้
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีกระทรวงการคลังทำหนังสือไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อสอบถามว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากร้อยละ 2.75 จะมีผลต่อการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติหรือไม่
นอกจากนี้ การดูดซับสภาพคล่องของ ธปท. ช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีผลประกอบการขาดทุนสะสมจำนวนมากมียอดเป็นเท่าใด และขอให้นำข้อเป็นห่วงกรณีเงินบาทแข็งค่าเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พิจารณาเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2556
กรณีดังกล่าว ธปท. ได้ส่งหนังสือตอบกลับมาว่า มีความเป็นห่วงเงินทุนไหลเข้าจะมุ่งไปภาคอสังหาริมทรัพย์จนเกิดปัญหาฟองสบู่ และไหลเข้าไปในตลาดหุ้น จึงมีความเป็นห่วงเรื่องอัตราเงินเฟ้อ และหากลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกอาจไม่สกัดกั้นเงินทุนไหลเข้าได้ เพราะในหลายประเทศแม้ลดอัตราดอกเบี้ยลงยังมีปัญหาเงินทุนไหลเข้า และทาง ธปท. ยังมองว่าสูตรคำนวณดูแลเงินบาทเป็นแบบอนุรักษ์มากกว่าทางกระทรวงการคลัง ดังนั้น จึงควบคุมดูแลได้
ทั้งนี้ ในที่ประชุม ครม.วันนี้ นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม ไปหาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออก เพราะยอดการส่งออกในช่วง 3 เดือนแรกของปีขยายตัวเพียงร้อยละ 4 หากจะทำให้การส่งออกเติบโตร้อยละ 9 จึงต้องหาทางช่วยเหลือเพิ่มขึ้น
ขณะที่กระทรวงการคลัง กำชับรัฐวิสาหกิจที่มีภาระหนี้ต่างประเทศทยอยชำระหนี้ก่อนกำหนด สำหรับภาระหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศในช่วงเงินบาทแข็งค่า และกู้เงินในประเทศแทนการกู้จากต่างประเทศ ในส่วนของกระทรวงการคลังจะงดการกู้เงินต่างประเทศผ่านการออกพันบัตรรัฐบาลเพื่อหันมากู้เงินในประเทศเช่นเดียวกัน