xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์นอกติง ธปท.สกัดบาทใช้ยาแรงหวั่นผลกระทบหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยัลแบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ประเมินเงินบาทสิ้นปีนี้แตะ 28.25 จากเงินทุนไหลเข้าที่ยังมีต่อเนื่อง ชี้หากแบงก์ชาติงัดยาแรงต้องระวังผลข้างเคียงหนัก ส่วนเศรษฐกิจคาดโตได้ 5% ยังมีแรงส่งจากนโยบายรัฐ

นายซานเจย์ มาธัวร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ ประจำภาคพื้นฐานเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น) ธนาคาเดอะรอยัลแบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ (RBS)กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เงินบาทจะยังมีแนวโน้มที่แข็งค่าขึ้น แต่จะมีเร็วในช่วงที่ผ่านมา โดยคาดว่าจากนี้ถึงสิ้นปีเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นอีก 2.5% จาก 28.65 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และทรงตัวอยู่ที่ 28.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากในช่วงที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้นประมาณ 5%

ทั้งนี้ เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะยังเป็นโจทย์ที่ท้าทายต่อนโยบายการเงินของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแล เนื่องจากจะยังมีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทยอยู่ ซึ่งหากจะใช้วิธีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายก็จะทำให้เกิดเสี่ยงที่จะทำให้สินเชื่อขยายขึ้นจากปัจจุบันที่ ธปท.ก็มีความเป็นห่วงเรื่องหนี้ครัวเรือนอยู่แล้ว ขณะที่การเข้าไปแทรกแซงโดยซื้อเงินดอลลาร์เข้ามาก็จะไม่ได้ช่วยให้เงินบาทอ่อนค่า แต่จะเป็นเป็นบรรเทาไม่ให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นเร็วนัก

สำหรับกรณีที่หลายฝ่ายประเมินว่า ธปท.จะมีการออกมาตรการมาสกัดเงินทุนไหลเข้านั้น นายมาธัวร์ กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับว่า ธปท.จะออกมาตรการอะไร อย่างไร หรือจะปล่อยให้เงินบาทแข็งค่าตามกลไกตลาดต่อไป ซึ่งหากเป็นมาตรการรุนแรง เช่น แนวทางเดียวกับที่กำหนดให้กันเงินของลูกค้าไว้ 30% ของจำนวนเงินที่นำเข้า และให้คืนเมื่อครบ 1 ปี เพื่อดูแลเงินทุนนำเข้าระยะสั้น และป้องปรามการเก็งกำไรนั้น ก็จะเห็นได้ว่ามาตรการดังกล่าวไม่ส่งผลดีต่อประเทศเท่าใดนัก

คาดจีดีพีโต 5% ส่งออกยังทรุด

ส่วนภาพรวมของเศรษฐกิจในปีนีคาดว่าจะเติบโต 5% และ 6% ในปี 2557 จากนโยบายทางการคลังที่ผ่อนปรนจะเอื้ออำนวยต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ขณะที่นโยบายการเงินจะยังรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้ดี จากแนวโน้มเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจากเงินทุนที่ไหลเข้า และนโยบายการคลังที่ผ่อนคลาย ขณะที่ปัจจัยที่ต้องจับตาดูเป็นเรื่องของการส่งออกที่จะได้ยังคงชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก

นายมาธัวร์ กล่าวว่า แม้มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายอย่างโครงการรถคันแรกจะสิ้นสุดไปแล้ว แต่เศรษฐกิจก็ยังได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท ซึ่งเป็นผลในระยะยาว และการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่จะต้องกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาทนั้น ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลควรจะทำ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ เงินจำนวนดังกล่าวจะต้องถูกนำไปใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างจริงจัง โดยเฉพาะพื้นนอกกรุงเทพฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น