รมต.คลังอาเซียน มั่นใจ ศก.ของประเทศสมาชิกมีโอกาสขยายตัวได้ 5.3-6.0% ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจก็ยังจะเผชิญความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ และความอ่อนแอของอุปสงค์ภายนอกภูมิภาค “กิตติรัตน์” เสนอให้พัฒนาตลาดพันธบัตรเป็นช่องทางระดมทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มประเทศที่ไม่มีอันดับเครดิต โดยพิจารณากลไกสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกสามารถออกพันธบัตรในสกุลเงินบางสกุลของประเทศสมาชิก และสร้างตลาดรองของพันธบัตร พร้อมเร่งสร้างกลไกการค้ำประกันเครดิต และการลงทุน CGIF ของภูมิภาคอาเซียนบวก 3
ที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน ครั้งที่ 17 ณ กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไนดารุสซาลาม ที่มีนาย Pehin Dato Abd Rahman Ibrahim รมว.คลังคนที่ 2 ของบรูไน เป็นประธาน ประเมินว่า ในปี 2556 เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอาเซียนจะขยายตัวในอัตรา 5.3-6% ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจก็ยังจะเผชิญความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ และความอ่อนแอของอุปสงค์ภายนอกภูมิภาค
ปัญหาดังกล่าวทำให้ประเทศสมาชิกอาเซียนต้องดำเนินนโยบายการคลัง และการเงินให้เหมาะสมเพื่อรักษาอัตราการเจริญเติบโต และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับนโยบายที่มุ่งก่อให้เกิดเสถียรภาพทางด้านราคาและระบบการเงิน การคลัง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจของไทยมีการเติบโตที่ดี และขยายตัวต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้มุ่งเน้นการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศผ่านการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาท เพื่อเพิ่มความสามารถในการใช้จ่ายของประชาชน พร้อมกับการเพิ่มประสิทธิภาพของแรงงานในภาคการผลิต และขณะนี้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มศักยภาพ และรักษาความยั่งยืนของการเติบโตของเศรษฐกิจ
นายกิตติรัตน์ ยังเสนอแนะให้คณะทำงานพิจารณาการพัฒนาตลาดพันธบัตรเป็นช่องทางระดมทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มประเทศที่ไม่มีอันดับเครดิต โดยพิจารณากลไกสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกสามารถออกพันธบัตรในสกุลเงินบางสกุลของประเทศสมาชิก และสร้างตลาดรองของพันธบัตร
นอกจากนี้ ควรเร่งสร้างกลไกการค้ำประกันเครดิต และการลงทุน (CGIF) ของภูมิภาคอาเซียนบวก 3 ที่ได้เริ่มอนุมัติเงินค้ำประกันเครดิตการออกตราสารหนี้ให้แก่บริษัทเอกชนของประเทศสมาชิกอาเซียนบวก 3 เป็นรายแรกแล้ว คาดว่าบริษัทดังกล่าวจะออกตราสารหนี้สกุลเงินบาทในประเทศไทย 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้ในเดือน เม.ย.นี้