“เอ็นพาร์ค” พลิกฟื้นธุรกิจหลังได้ทุนใหญ่ “ประชา มาลีนนท์” เข้าถือหุ้นใหญ่ ไถ่ที่ดินบางกระเจ้า 300 ไร่ จากแบงก์กรุงไทย พัฒนาบ้านหรูหลังละเกือบ 100 ล้าน พร้อมเทกโอเวอร์ รร.เซ็นทารา ขอนแก่น ซื้อหุ้นบริษัทโกดังเก็บสินค้าย่านบางนา-ตราด หวังเก็บรายได้ทันที เล็งเจรจาธนารักษ์ฯ ขอต่อสัญญาที่ร้อยชักสาม ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1,000 ล้านบาท
นายนคร ลักษณกาญจน์ กรรมการผู้จัดการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ N-PARK เปิดเผยว่า หลังจากที่นายประชา มาลีนนท์ (อดีต รมต.ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัทฯ ในสัดส่วน 24.50% ของทุนจดทะเบียนประมาณ 29,000 ล้านหุ้น เป็นเงินประมาณ 900 ล้านบาท โดยเม็ดเงินดังกล่าว บริษัทได้นำไปไถ่ถอนที่ดินเปล่าขนาดเกือบ 300 ไร่ ที่บางกระเจ้า ต.บางน้ำผึ้ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มูลหนี้ 500 ล้านบาท ส่วนเงินทุนที่เหลือนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ทันที และลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย
สำหรับการลงทุนใหม่นั้น บริษัทมีแผนนำที่ดินบางส่วนประมาณ 70 ไร่ ของบางกระเจ้า มาพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ จำนวน 30 ยูนิต ขนาดบ้านบนเนื้อที่ 2 ไร่ ระดับราคา 70-100 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันเริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะเปิดขายในเร็วๆ นี้
ส่วนแหล่งเงินลงทุนนั้น บริษัทฯ เตรียมตัดขายที่ดินบางส่วนที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาขนาด 30 ไร่ มูลค่า 500 ล้านบาท ออกขาย โดยที่ผ่านมา ได้เสนอให้แก่นักลงทุนจากยุโรปรายหนึ่งที่สนใจจะทำเป็นสถานบำบัดทั้งร่างกาย และจิตใจรูปแบบคล้ายชีวาศรม ขณะนี้อยู่ระหว่างตัดสินใจ
นอกจากการนำที่ดินบางกระเจ้ามาพัฒนาแล้ว บริษัทยังได้ซื้อที่ดินขนาด 2 ไร่ครึ่ง ย่านรามอินทรา กม. 2 โดยจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ จำนวน 100 ยูนิต ขนาดห้องเริ่มต้นที่ 35 ตารางเมตร (ตร.ม.) ระดับราคา 50,000-6,0000 ต่อ ตร.ม. มูลค่าโครงการ 400-500 ล้านบาท รวมไปถึงการเจรจาซื้อที่ดินย่านอ่อนนุช-สุขุมวิท อีกประมาณ 4-5 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็นคอนโดฯ อีกเช่นกัน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน คาดว่าจะสรุปผลได้ในเร็วๆ นี้
เทกฯ รร.-คลังสินค้า รองรับรายได้ระยะยาว
นายนคร กล่าวต่อว่า นอกจากการลงทุนใหม่แล้ว บริษัทยังได้ซื้อกิจการที่ให้ผลตอบแทนได้ทันที เช่น การซื้อโรงแรม โรงแรมเซ็นทารา แอนด์ คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ขอนแก่น มูลค่า 800 ล้านบาท รวมถึงการซื้อหุ้น ของบริษ์ พอรสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจให้เช่าพื้นที่เก็บสินค้า และโรงงานที่โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน ย่านเมืองใหม่บางพลี จำนวน 7.21% มูลค่า 86.49 ล้านบาท ซึ่งมีพื้นที่รวม 692 ไร่ ปัจจุบันมีพื้นที่เช่าแล้ว 83,342 ตร.ม. ซึ่งมีผู้เช่าเข้าใช้พื้นที่แล้ว โดยคิดค่าเช่า 200-300 บาท ต่อตร.ม. และยังมีลูกค้าจองพื้นที่แล้ว ขณะนี้พอรสเพคอยู่ระหว่างสร้างโกดังเพิ่มเติม โดยหากสร้างเต็มพื้นที่จะมีโกดังเช่าเนื้อที่ 9 แสน ตร.ม.
“หนี้สินที่เป็นคดีความในอดีตที่ผ่านมา ปัจจุบันได้เคลียร์หมดแล้ว โดยรายสุดท้าย บริษัทหลักทรัพย์สินเอเซีย จำกัด มูลหนี้ เกือบ 400 ล้านบาท เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ลดลงมาเหลือ เกือบ 200 ล้านบาท สัญญาแบ่งจ่ายเป็น 2 งวด ภายในเมษายนนี้ 50 ล้านบาท ที่เหลือกำหนดจ่ายในอีก 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งหลังจากนี้เราก็เดินหน้าต่อได้เลย” นายนคร กล่าว
สำหรับโครงการที่ดินโรงภาษีร้อยชักสาม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่บริษัทได้ประมูลสัมปทานมาจากกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา เดิมมีแผนจะพัฒนาเป็นโรงแรมอามันปุรีรีสอร์ท แต่ปัจจุบัน ยังไม่สามารถเข้าไปพัฒนาได้ เนื่องจากติดปัญหาหน่วยงานตำรวจดับเพลิงผู้เช่าเดิมไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่ ล่าสุด หน่วยงานดังกล่าวได้ย้ายไปสังกัด กทม. และมีแนวโน้มที่จะได้ข้อยุติในการย้ายหน่วยงานดังกล่าวออกพื้นแล้ว ซึ่งบริษัทฯ จะเข้าเจรจากับกรมธนารักษ์เพื่อต่อสัญญาใหม่
“ที่ผ่านมา บริษัทได้ยื่นเรื่องต่ออัยการว่าเราไม่ได้ผิดสัญญาเช่า แต่กรมธนารักษ์ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ให้เราได้ เดิมกรมธนารักษ์จะให้เราเจรจากับตำรวจดับเพลิงเอง แต่มันไม่ถูก ทางกรมธนารักษ์ซึ่งเป็นหน่วยรัฐด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นเจ้าของพื้นที่ควรเป็นผู้เจรจา ทำให้เราเสียเวลานาน 6-7 ปี เราจ่ายค่าเช่าไปแล้วร่วม 100 ล้านบาท ตอนนี้สัญญาเช่าเหลือ 20 กว่าปี เราก็จะเจรจากรมธนารักษ์ขอต่อสัญญาใหม่”
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท จากที่ผ่านมามีรายได้จากเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ย่านสุขุมวิท 49 เพียงแห่งเดียว ปีละประมาณ 100 ล้านบาท