“แอดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี” ยืนยันพร้อมเพิ่มทุน หากบริษัทที่ร่วมทุนกับล็อกซเล่ย์ ได้งาน และเตรียมลงทุนโครงการใหญ่ในพม่า ทั้งพลังงาน และโทรคมนาคม ตั้งเป้าปีนี้รายได้กว่า 30% หรือ 5,400 ล้านบาท จาก 4,100 ล้านบาท ล่าสุด ควัก 58 ล้าน ซื้อหุ้นเคิร์ซ เติมเต็มธุรกิจ คาดช่วยเพิ่มรายได้งานบริการ ส่วนอนาคตอาจดันเข้าตลาดหุ้น
นายศริริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอดวานซ์ อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (AIT) กล่าวถึงการร่วมลงทุนกับ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) (LOXLEY) ว่า เป็นการตั้งบริษัทร่วมลงทุนในสัดส่วน 50:50 ภายใต้ชื่อ บริษัท ล็อกซเล่ย์ เอไอที โฮลดิ้ง (แอล เอ เฮช) ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งแห่งแรกคือ การเข้าลงทุนในพม่า 2 ธุรกิจ ทั้งในเรื่องของพลังงาน และสื่อสารโทรคมนาคม
“เราอยู่ระหว่างรอรัฐบาลพม่าแก้ไขกฎหมายลงทุนให้เอกชนต่างชาติเข้าไปลงทุนได้ บริษัทนี้เราจะใช้ในการลงทุนต่างประเทศร่วมกัน ทั้งในแบบลงทุนตรง และแบบเข้าร่วมลงทุนในบริษัทท้องถิ่นที่ได้รับใบอนุญาตสัมปทานจากรัฐบาลพม่าแล้ว ซึ่งทั้ง 2 ธุรกิจมีความคืบหน้าไปมากแล้ว และคาดว่าน่าจะเริ่มเห็นตัวเลขผลดำเนินงานได้ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ขณะที่ในส่วนเฉพาะ AIT ก็มีการเข้าไปตั้งสาขาที่กัมพูชาแล้ว แต่ยังมีสัดส่วนรายได้ที่น้อย ซึ่งเป้าหมายต่อไปของบริษัทคือ การตั้งสาขาในพม่า”
อย่างไรก็ตาม เมื่อธุรกิจในพม่ามีความชัดเจน บริษัทก็มีแผนจะเพิ่มทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อระดมทุนไปให้ แอลเอเอช โฮลดิ้ง ทำการลงทุนธุรกิจในต่างแดน โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจพลังงานที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ ส่วนที่มีข่าวลือว่า AIT จะแตกพาร์นั้น ยอมรับว่าเป็นเพียงแนวคิดหนึ่ง แต่ยังไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินการ
ภาพรวมธุรกิจของ AIT ในปีนี้ บริษัทเชื่อว่ารายได้รวมจะเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 30% หรืออยู่ในระดับ 5,400 ล้านบาท จากปีก่อนที่ปรับเป้ารายได้ลดลงเหลือ 4,100 ล้านบาท เนื่องจากการเบิกจ่ายงบของภาครัฐล่าช้า และเลื่อนออกไปในบางโครงการ จากปัญหาอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 โดยการประมูลโครงการเด่นๆ ในปีนี้ ซีอีโอของ AIT มองว่าเป็นการเข้าประมูลระบการพัฒนาระบบของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) มูลค่า 1,200 ล้านบาท และการเข้าประมูลโครงการ ไอซีที สมาร์ทไทยแลนด์
“ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เราเติบโตสูง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ตอนนี้เรามีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 3 พันกว่าล้าน ที่น่าจะรับรู้ได้ภายในปี อีกทั้งเรายังมีการเข้าประมูลงานต่อเนื่อง และเมื่อรวมกับแผนธุรกิจล่าสุด คือ การเข้ามาถือหุ้นในบริษัท เคิร์ซ จำกัด ในส่วน 51% ด้วยเงินลงทุน 58 ล้านบาท เรามองว่าจะยิ่งเพิ่มสัดส่วนรายได้จากงานบริการของบริษัทเพิ่มขึ้นจากระดับ 10% ในปัจจุบันให้เติบโตดีขึ้น ซึ่งน่าจะเริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 นี้ แต่ยังต้องใช้ระยะเวลาอีก 2-3 ปี ที่จะผลักดันให้บริษัทดังกล่าวเติบโตในระดับ 20% และในอนาคตอาจผลักดันให้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป”
ส่วนอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ผู้บริหารระบุว่า ส่วนใหญ่ ณ ขณะนี้เป็นหนี้สินระยะสั้น ทำให้ตัวเลขอยู่ในระดับ 2 เท่ากว่า แต่ช่วงในปกติจะอยู่ที่ระดับ 1 เท่ากว่าๆ เท่านั้น
สำหรับ บริษัท เคิร์ซ จำกัด เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต และบริการโทรคมนาคมทั่วประเทศ ซึ่งการเข้าลงทุนครั้งนี้จะช่วยสร้างจุดแข็งให้แก่ทั้ง 2 บริษัท ในการพัฒนาการให้บริการ และธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้น
