“ล็อกซเล่ย์” แจงความพร้อมเครื่องจำหน่ายหวยออนไลน์ ส่งทีมอัปเดตซอฟต์แวร์-ปัดฝุ่นเครื่องเก่า 8 พันตู้ ยันคืบหน้ากว่า 80% มั่นใจเปิดขายได้ภายใน 90-120 วัน หลังบอร์ดสลากไฟเขียว โดยรูปแบบการซื้อขายเบื้องต้นกำหนดขั้นต่ำรายการละ 40 บาท สูงสุดไม่เกิน 1 พันบาท และ 1 ใบสามารถซื้อได้ไม่เกิน 5 รายการ หรือสูงสุด 5 พันบาท เชื่อจะสามารถดึงเงินจากหวยใต้ดินได้ส่วนหนึ่ง และแก้ไขปัญหาสลากฯ แพงได้
นายพิเศษ ดิศวัฒน์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมที่จะปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์ของเครื่องให้มีความสมบูรณ์รองรับการจำหน่ายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัวด้วยเครื่องอัตโนมัติตามนโยบายรัฐบาลได้ โดยส่งทีมเจ้าหน้าที่ออกตรวจเครื่องที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ 6 พันเครื่อง อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 1.8 พันแห่งให้มีความพร้อม โดยขณะนี้คืบหน้าแล้วกว่าร้อยละ 80 และจะสามารถเปิดขายได้ภายใน 90-120 วันนับจากที่คณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีมติให้เดินหน้าโครงการได้ หรือประมาณไตรมาสแรกปีหน้า
นายพิเศษกล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเครื่องจำหน่ายที่มีการส่งมอบไปตั้งแต่ปี 2549 จนถึงขณะนี้ส่วนใหญ่ยังใช้งานได้ดี มีชำรุดบ้างเล็กน้อยสามารถซ่อมบำรุงได้ และก่อนหน้านี้ช่วงที่มีการชะลอโครงการสลากเลขท้ายออกไปก็มีตัวแทนจำหน่ายคืนเครื่องเข้ามาบ้างเกือบพันราย เพราะบางคนอาจจะต้องเช่าที่อาจจะแบกรับค่าเช่าไม่ไหว แต่ขณะนี้บริษัทมีความสบายใจที่รัฐบาลมีความชัดเจนจะเดินหน้าขายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว และเห็นด้วยหากจะเปลี่ยนชื่อเป็นหวยตู้ เพื่อจะได้ไม่สร้างความเข้าใจผิดว่า ขายผ่านออนไลน์หรือทางอินเทอร์เน็ต และสามารถกดจากตู้ได้ด้วยตัวเองตลอดเวลาเหมือนตู้กดเงินสด (เอทีเอ็ม)
“จริงๆ แล้วการซื้อสลากฯ ต้องซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายและมีกฎข้อบังคับในการป้องกันและควบคุมไม่ให้ขายในที่ไม่เหมาะสมหรือขายให้เยาวชนอยู่แล้ว จึงเห็นว่าหวยตู้น่าจะมีผลดีในการช่วยให้สลากกินแบ่งรัฐบาลมีราคาลดลงได้และช่วยลดการเล่นหวยใต้ดิน เพราะถือว่าดำเนินการอย่างถูกกฎหมาย รัฐบาลเองก็ไม่มีความเสี่ยงจากการขาดทุนในการขายต่องวด เพราะกำหนดเงินรางวัลไว้ชัดเจนไม่เกินร้อยละ 60 ของยอดขาย และผู้ซื้อจะได้รับเงินรางวัลครบถ้วนแน่นอน”
สำหรับการจ่ายเงินรางวัล นายพิเศษกล่าวว่า จะผันแปรตามจำนวนผู้ถูก เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่จะยังคงรางวัลพิเศษและแจ็กพอต โดยสัดส่วนการจ่ายเงินรางวัลที่กำหนดไว้ร้อยละ 60 ของยอดขายรวมนั้น ต้องแบ่งเป็นการจ่ายรางวัลปกติ รางวัลพิเศษ และรางวัลแจ็กพอต ซึ่งยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามที่สำนักงานสลากฯ ต้องการ จากที่เคยกำหนดไว้เบื้องต้นร้อยละ 57 เป็นเงินรางวัลของ 3 ตัวตรง 3 ตัวโต๊ด 2 ตัวบนและล่าง และทุกๆ ยอดขาย 10 ล้านบาท จะมีผู้ได้รับรางวัลพิเศษ 1 คน ซึ่งกำหนดไว้ที่ร้อยละ 2 หรือประมาณ 2 แสนบาท และทุกๆ 1 พันล้านบาทจะมีรางวัลแจ็กพอต 1 รางวัล ซึ่งกำหนดไว้ที่ร้อยละ 1 เป็นเงิน 10 ล้านบาท
“การซื้อขายเบื้องต้นกำหนดขั้นต่ำรายการละ 40 บาท สูงสุดไม่เกิน 1 พันบาท และ 1 ใบสามารถซื้อได้ไม่เกิน 5 รายการ หรือสูงสุด 5 พันบาท ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถดึงเงินจากหวยใต้ดินได้ส่วนหนึ่งเพราะเป็นผลิตภัณฑ์จากรัฐบาลสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ และเชื่อว่าจะทำให้ราคาสลากฯ ปรับลดลงด้วย โดยมองว่ายอดขายไม่น่าจะต่ำกว่าหวยบนดินก่อนหน้านี้ที่ตกงวดละ 3 พันกว่าล้านบาท แต่ก็มีข้อด้อยในแง่ที่ไม่มีราคาส่วนลดหรือการใช้เงินเชื่อจ่ายงวดต่องวด” นายพิเศษกล่าว
