แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เล็งกระจายฐานรายได้ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง-ธุรกิจใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างร่วมทุนกับล็อกซเล่ย์ จัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งส์ เข้าถือหุ้นในบริษัทแถบเพื่อนบ้าน “ผู้บริหาร” ตั้งเป้ารายได้ 5.4 พันล้านบาท โต 30% จากปี 55 เหตุมีงานในมือรับรู้ปีนี้ 3.23 พันล้านบาท เล็งประมูลงานเพิ่ม
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะมีการกระจายฐานรายได้มากขึ้น ในเรื่องการลงทุนใหม่ๆ และการหารายได้สม่ำเสมอแก่บริษัท จากปัจจุบันที่บริษัทมีรายได้จากออกแบบ และรับเหมาวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งมีรายได้หลักจากการสื่อสารโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย (CAT) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT คิดเป็นสัดส่วน 68% ของลูกค้าทั้งหมดของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน)หรือ LOXLEY คือ บริษัทล็อกซเล่ย์ แอนด์ เอไอที โฮลดิ้งส์ จำกัด ในสัดส่วนเท่ากัน50% เพื่อเข้าไปลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และระบบโครงข่ายโทรคมนาคมในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ธุรกิจพลังงาน ฯล คาดว่าจะเริ่มมีความชัดเจนในการลงทุนของบริษัทร่วมทุนไตรมาส 1/56 และยังมีแผนที่จะไปตั้งสำนักงานที่ประเทศพม่า ในการให้บริการวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กับบริษัทไทย หรือบริษัทต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในประเทศพม่าด้วย
“บริษัทพยายามหาโอกาสในการลงทุนประเทศ และในต่างประเทศ ในธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งบริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรในการตั้งบริษัทโฮลดิ้งส์ เพื่อร่วมลงลงทุนธุรกิจในประเทศแถบเพื่อนบ้าน เช่น สื่อสาร พลังงาน ฯลฯ” นายศิริพงษ์กล่าว
โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะมีรายได้รวม 5,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากปี 2555 ที่มีรายได้รวม 4,179 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ จำนวน 3,482 ล้านบาท โดยจะรับรู้ภายปีนี้ 3,233 ล้านบาท และมีงานที่รอการจัดซื้ออีก 93 ล้านบาท และงานประมูลที่บริษัทได้ยื่นประมูลไปแล้วอยู่ระหว่างรอผลมูลค่า 1,064 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่างานที่บริษัทยื่นประมูลไปนั้นมีโอกาสที่จะได้สูง นอกจากนี้ ปีนี้มีงานที่จะออกมาประมูลที่บริษัทติดตามอยู่อีก จำนวน 1 หมื่นล้านบาท ทำให้มั่นใจว่าจะสร้างรายได้ตามเป้า
สำหรับปีที่แล้วบริษัทได้มส่งมอบงานที่ล่าช้าจึงถูกหักเงินจำนวน 20 ล้านบาท แต่เป็นเรื่องปกติ โดยการส่งมอบล่าช้านั้นไม่ได้เกิดจากบริษัทเอง อย่างไรก็ดี บริษัทได้แจ้งล่วงหน้า และจะได้รับเงินคืน คาดว่าเงินดังกล่าวจะเข้ามาบันทึกเป็นกำไรได้ประมาณไตรมาส 1/56 หรือ ไตรมาส 2/56 นี้ โดยปีนี้บริษัทคาดว่าจะพยามที่จะทำให้อัตรากำไรสุทธิ (เน็ตโพฟิตมาร์จิ้น) อยู่ที่ 8-10%