โจนส์ แลงฯ ระบุเงินบาทแข็งค่ายังไม่กระทบผู้ซื้อชาวไทย และเอเชียในตลาดอสังหาฯ ยกเว้นบาทแข็งค่ารวดเร็วมากกว่านี้ แนะโอกาสเหมาะซื้ออสังหาฯ ในต่างประเทศ
เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านๆ มา และแข็งค่าสูงสุดนับตั้งแต่มีการลอยตัวค่าเงินในช่วงกลางปี 2540 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตการณ์การเงินเอเชีย แม้เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นได้ทำให้มูลค่าราคาอสังหาริมทรัพย์ของไทยเพิ่มสูงขึ้นเมื่อคิดเป็นสกุลเงินดอลลาร์ แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่พบว่ามีผลกระทบที่มีนัยสำคัญแต่อย่างใดต่อธุรกรรมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในไทย ตามการสังเกตการณ์จากบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โจนส์ แลง ลาซาลล์
นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ โจนส์ แลง ลาซาลล์ กล่าวว่า จากการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น จึงมีความกังวลว่าจะส่งผลกระทบใดๆ ต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยหรือไม่ โดยเฉพาะในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่พึ่งพาอุปสงค์จากผู้ซื้อชาวต่างชาติ เช่น คอนโดมิเนียมระดับหรูในกรุงเทพฯ และคอนโดฯ และบ้านพักตากอากาศในเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ซึ่งจากการสังเกตการณ์ของเรา พบว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่พบว่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นได้ส่งผลกระทบใดๆ อย่างมีนัยสำคัญต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทย และเชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบ เว้นเสียแต่ว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นไปอย่างรวดเร็วมากกว่านี้
“กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ในไทยอาศัยกำลังการซื้อจากผู้ซื้อชาวไทยเป็นหลัก ในส่วนของความต้องการจากผู้ซื้อชาวต่างชาติ พบว่า จำนวนผู้ซื้อจากอเมริกา และยุโรปลดลงไปมากจากปัญหาความผันผวนทางเศรษฐกิจ และการเงินที่เกิดขึ้นในทั้ง 2 ภูมิภาค ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยในขณะนี้ มาจากประเทศในแถบเอเชีย ซึ่งส่วนใหญ่มีเงินท้องถิ่นแข็งค่าขึ้นเช่นกันเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือสกุลเงินยูโร”
จากจำนวนการติดต่อสอบถามที่โจนส์ แลง ลาซาลล์ได้รับจากผู้สนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน พบว่า ระดับความสนใจของผู้ซื้อชาวต่างชาติในการซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ และคอนโดฯ/บ้านพักตากอากาศในเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ของไทย ยังคงอยู่ในเกณฑ์ปกติ ในขณะเดียวกัน โจนส์ แลง ลาซาลล์ ยังคงได้รับการติดต่อสอบถามเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากบริษัทต่างชาติที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อใช้เป็นสถานประกอบการผลิต หรือลอจิสติกส์ในประเทศไทย
“แม้เงินบาทจะแข็งค่าขึ้น แต่ไทยยังคงนับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีราคาอสังหาริมทรัพย์ถูกที่สุดในเอเชีย ซึ่งนับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังคงสามารถแข่งขันได้” นางสุพินท์กล่าว
ทั้งนี้ ในสภาวการณ์ปัจจุบัน ชาวไทยไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลอาจอาศัยข้อได้เปรียบจากภาวะเงินบาทแข็งค่าด้วยการออกไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ
“ขณะนี้ โอกาสในการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเมืองใหญ่ๆ ของโลกที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีพัฒนาการไปมากแล้ว เช่น เมืองท่าสำคัญๆ ของสหรัฐฯ และกรุงลอนดอนของอังกฤษ มีอยู่ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นห้องชุดคอนโดฯ อาคารที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน หรือแม้แต่โรงแรม ดังนั้น จากภาวะที่เงินบาทแข็งค่าในขณะนี้ ประกอบกับราคาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองต่างๆ ดังกล่าวอยู่ในระดับที่น่าสนใจ จึงอาจเป็นโอกาสที่ดีที่ชาวไทยที่มีฐานะ และบริษัทไทยที่มีสภาพคล่องสูงจะพิจารณาโอกาสการลงทุนเหล่านี้ แต่ทั้งนี้ อาจต้องรีบตัดสินใจเนื่องจากยังไม่แน่ว่าเงินบาทจะแข็งค่าไปอีกนานเท่าใด และตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองใหญ่บางเมืองของอเมริกา และยุโรปกำลังอยู่ในระยะฟื้นตัว และมีแนวโน้มที่ราคาจะปรับสูงขึ้นต่อไป”
