“นายแบงก์” ชี้เงินร้อนไหลเข้าไทยเป็นการลงทุนระยะยาวยังไม่น่าห่วง แต่กังวลปัญหาค่าเงินบาท “เอ็มดี” ตลาดบอนด์ ยอมรับสาเหตุเงินนอกไหลเข้าตลาดพันธบัตรเพราะ ศก.ไทยดี ผลตอบแทนการลงทุนสูง ดึงดูดใจนักลงทุนต่างชาติ พร้อมแนะเตรียมรับมือเงินทุนไหลออก หากสหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการ “คิวอี” แต่ไม่ควรใช้มาตรการทางภาษี เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวในงานสัมมนาประจำปี 2556 สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย ในหัวข้อ “Hot Money เงินทะลักเข้าไทย ผลกระทบเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์” โดยมองว่า การไหลเข้าของเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ และตลาดหุ้นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ต้องการหาแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งเงินลงทุนที่เข้ามาเป็นการลงทุนระยะยาว ไม่ได้เป็นการลงทุนระยะสั้น จึงไม่น่าเป็นห่วงมากนัก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตาในระยะต่อไป คือ การแข็งค่าของเงินบาท เพราะจะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการส่งออกของไทย โดยหากค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าอยู่ในระดับ 29.50 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงกลางปีนี้ มองว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะยังสามารถรักษาการขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ร้อยละ 4.8 และการส่งออกขยายตัวร้อยละ 10.5
นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย มองว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรเป็นจำนวนมาก ทำให้ยอดการถือครองตราสารหนี้ของต่างชาติเพิ่มขึ้นถึง 1 แสนล้านบาท จากยอดถือครองตราสารหนี้ของต่างชาติ ทั้งหมด 8 แสนล้านบาท ซึ่งก็เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวดี และผลตอบแทนต่อการลงทุนสูงกว่าประเทศอื่น
ทั้งนี้ เชื่อว่าในระยะสั้นเงินทุนต่างชาติจะยังไม่ไหลออกจากไทย แต่ในระยะยาวขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น เพราะหากเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาปรับตัวดีขึ้น และยกเลิกการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (QE) เงินทุนต่างชาติจะไหลกลับออกจากประเทศไทยไปสหรัฐอเมริกาอย่างแน่นอน
ดังนั้น ประเทศไทยควรมีการเตรียมมาตรการรับมือกับสถานการณ์เงินไหลออกไว้ แต่ไม่ควรใช้มาตรการทางภาษี เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน