ลงโดยไม่ให้ตั้งหลัก
ตลาดหุ้นยังอยู่ในภาวะหัวทิ่มหัวตำแม้ไม่มีปัจจัยลบอย่างชัดเจน แต่แรงขายก็ทะลักออกมาหนักแน่นจนแรงซื้อรับไม่อยู่ ทำให้ดัชนีถอยร่น เพียง 2 วันทรุดลงเกือบ 50 จุด และยังไม่อาจประเมินได้ว่าการปรับฐานแรงครั้งนี้จะยืดเยื้อไปขนาดไหน จุดตำสุดของดัชนีจะลงไปที่เท่าไหร่
ดัชนีวันนี้ปิดที่ 1,543.67 จุด ลดลง 24.58 จุด มูลค่าซื้อขาย 83,656 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 3,203 ล้านบาท
แม้จะมีการหยิบยกหลายปัจจัยมาสนับสนุนการปรับฐานของตลาดในครั้งนี้ แต่ปัจจัยที่มีน้ำหนักสำคัญคือ ราคาหุ้นที่ขึ้นอย่างร้อนแรง โดยนับตั้งแต่ต้นปีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมากที่สุดในกลุ่มอาเซียน จึงล่อใจให้ขายทำกำไร นอกจากหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กซึ่งหลายตัวถูกจุดพลุขึ้นมาจากเจ้ามือ ควบคู่กับการปล่อยข่าวราคาถูกลากขึ้นอย่างหวือหวามาพักใหญ่ จนไม่สามารถวิเคราะห์ความเหมาะสมได้ด้วยปัจจัยพื้นฐาน เพราะเต็มไปด้วยการเก็งกำไรล้วนๆ และถึงจุดทีเจ้ามือพร้อมจะทิ้งหุ้นเมื่อภาวะตลาดเกิดสัญญาณไม่ดีจึงถล่มขายทันที
สำหรับแนวโน้มตลาดระยะสั้นคงไม่สามารถประเมินได้แน่ชัด เนื่องจากมีตัวแปรใหม่เข้ามา โดยต่างชาติกลับมาขายหนักสวนทางกับค่าเงินบาทที่แข็งโป๊ก ซึ่งเงินทุนต่างชาติน่าจะไหลเข้า แต่ต่างชาติกลับขายหุ้นออก และการขายจะมีผลกระทบด้านจิตวิทยาในการลงทุนซ้ำเติมบรรยากาศซื้อขายที่ย่ำแย่อยู่แล้วอาจจะย่ำแย่เข้าไปอีก
ส่วนนักลงทุนในประเทศ แม้จะผนึกกำลังซื้อต้านแรงขายของต่างชาติแต่ก็ต้านไม่อยู่ แต่ถ้าต่างชาติขายต่อ แรงซื้อที่หนาแน่นยังจะมีอยู่ไหม แต่ที่น่าห่วงกว่าคือ นักลงทุนรายย่อย โดยเฉพาะหน้าใหม่ๆ ซึ่งประสบการณ์การลงทุนยังไม่ดีพอ เมื่อเห็นหุ้นตกอาจคิดว่าเป็นโอกาสเข้าช้อนซื้อ ซึ่งอาจต้องแบกหุ้นต้นทุนสูงคาพอร์ตโดยไม่จำเป็น
หุ้นลงครั้งนี้ไมมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า นักลงทุนรยย่อยจำนวนไมน้อยจึงติดอยู่บนยอดดอย และอาจเข้ามช้อนซื้อหุ้นเพื่อเฉลี่ยต้นทุนซึ่งอาจทำให้เจ็บหนักขึ้นถ้าหุ้นลงทุนทรุดตัวแรงลงมา 2 วันแล้ว โดยไม่รู้ว่าฟื้นเมื่อไหร่ ซึ่งท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอน นักลงทุนน่าจะพักไปยืนสังเกตการณ์อยู่รอบนอกชั่วคราว เพราะพัวพันกับตลาดเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย เนื่องจากสัญญาณขาลงปรากฏขึ้นมาแล้ว
ภาวะตลาดขาลง ยิ่งซื้อยิ่งเจ็บ
ตลาดหุ้นยังอยู่ในภาวะหัวทิ่มหัวตำแม้ไม่มีปัจจัยลบอย่างชัดเจน แต่แรงขายก็ทะลักออกมาหนักแน่นจนแรงซื้อรับไม่อยู่ ทำให้ดัชนีถอยร่น เพียง 2 วันทรุดลงเกือบ 50 จุด และยังไม่อาจประเมินได้ว่าการปรับฐานแรงครั้งนี้จะยืดเยื้อไปขนาดไหน จุดตำสุดของดัชนีจะลงไปที่เท่าไหร่
ดัชนีวันนี้ปิดที่ 1,543.67 จุด ลดลง 24.58 จุด มูลค่าซื้อขาย 83,656 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 3,203 ล้านบาท
แม้จะมีการหยิบยกหลายปัจจัยมาสนับสนุนการปรับฐานของตลาดในครั้งนี้ แต่ปัจจัยที่มีน้ำหนักสำคัญคือ ราคาหุ้นที่ขึ้นอย่างร้อนแรง โดยนับตั้งแต่ต้นปีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมากที่สุดในกลุ่มอาเซียน จึงล่อใจให้ขายทำกำไร นอกจากหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กซึ่งหลายตัวถูกจุดพลุขึ้นมาจากเจ้ามือ ควบคู่กับการปล่อยข่าวราคาถูกลากขึ้นอย่างหวือหวามาพักใหญ่ จนไม่สามารถวิเคราะห์ความเหมาะสมได้ด้วยปัจจัยพื้นฐาน เพราะเต็มไปด้วยการเก็งกำไรล้วนๆ และถึงจุดทีเจ้ามือพร้อมจะทิ้งหุ้นเมื่อภาวะตลาดเกิดสัญญาณไม่ดีจึงถล่มขายทันที
สำหรับแนวโน้มตลาดระยะสั้นคงไม่สามารถประเมินได้แน่ชัด เนื่องจากมีตัวแปรใหม่เข้ามา โดยต่างชาติกลับมาขายหนักสวนทางกับค่าเงินบาทที่แข็งโป๊ก ซึ่งเงินทุนต่างชาติน่าจะไหลเข้า แต่ต่างชาติกลับขายหุ้นออก และการขายจะมีผลกระทบด้านจิตวิทยาในการลงทุนซ้ำเติมบรรยากาศซื้อขายที่ย่ำแย่อยู่แล้วอาจจะย่ำแย่เข้าไปอีก
ส่วนนักลงทุนในประเทศ แม้จะผนึกกำลังซื้อต้านแรงขายของต่างชาติแต่ก็ต้านไม่อยู่ แต่ถ้าต่างชาติขายต่อ แรงซื้อที่หนาแน่นยังจะมีอยู่ไหม แต่ที่น่าห่วงกว่าคือ นักลงทุนรายย่อย โดยเฉพาะหน้าใหม่ๆ ซึ่งประสบการณ์การลงทุนยังไม่ดีพอ เมื่อเห็นหุ้นตกอาจคิดว่าเป็นโอกาสเข้าช้อนซื้อ ซึ่งอาจต้องแบกหุ้นต้นทุนสูงคาพอร์ตโดยไม่จำเป็น
หุ้นลงครั้งนี้ไมมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า นักลงทุนรยย่อยจำนวนไมน้อยจึงติดอยู่บนยอดดอย และอาจเข้ามช้อนซื้อหุ้นเพื่อเฉลี่ยต้นทุนซึ่งอาจทำให้เจ็บหนักขึ้นถ้าหุ้นลงทุนทรุดตัวแรงลงมา 2 วันแล้ว โดยไม่รู้ว่าฟื้นเมื่อไหร่ ซึ่งท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอน นักลงทุนน่าจะพักไปยืนสังเกตการณ์อยู่รอบนอกชั่วคราว เพราะพัวพันกับตลาดเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย เนื่องจากสัญญาณขาลงปรากฏขึ้นมาแล้ว
ภาวะตลาดขาลง ยิ่งซื้อยิ่งเจ็บ