หุ้นภาคบ่ายไหลรูดลงต่อเนื่องกว่า 1% โดยมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง คาดทำกำไร ลดความเสี่ยง เพราะดัชนีขึ้นทดสอบ 1,600 จุดแล้วไม่สามารถยืนได้ ขณะที่บางส่วนกังวลเงินบาทแข็ง ทั้งเร็ว และแรง หน่วยงานอาจมีมาตรการเข้าดูแล ทำให้เกิดความไม่แน่ใจ โดยช่วงท้ายตลาดดัชนีปรับลงกว่า 35 จุด หรือลงไปกว่า 2.16%
ภาวะตลาดหุ้นไทยภาคบ่าย (19 มี.ค.) เปิดตลาดดัชนีปรับลงค่อนข้างแรง โดยพบว่ามีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเวลา 14.52 น. ดัชนีปรับลงไปอยู่ที่ระดับ 1,577.18 จุด ปรับตัวลดลง 14.47 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.91% มูลค่าการซื้อขาย 39,511.90 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่ตลาดหุ้นเปิดภาคบ่ายปรับลงแรง เกิดจากส่วนหนึ่งมีการขายทำกำไร หลังจากดัชนีปรับขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,600 จุดแล้ว แต่ไม่สามารถยืนอยู่ได้ จึงปรับลงจากแรงเทขาย ขณะที่บางส่วนมองว่าการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น เร็วและแรงกำลังสร้างความเสี่ยง จึงขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยง เพราะกังวลว่า ทางการอาจจะมีมาตรการอะไรออกมาหรือเปล่า และเกิดความไม่แน่ใจ
ส่วนกรณีปัญหาแผนเงินฝากไซปรัสเป็นเรื่องที่ต้องรอดูต่อไป ซึ่งยังเป็นความเสี่ยงอยู่ เพราะธนาคารยังหยุดทำการ และมีการประท้วงของประชาชน ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่เป็นบวก จึงน่าจะเป็นขายทำกำไรกันเอง เพราะร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทลงทุนโครงสร้างพื้นฐานก็ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 15.38 น. ดัชนีปรับลงไปอยู่ที่ระดับ 1,568.69 จุด ลดลง 22.96 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.44% มูลค่าการซื้อขาย 50,526.97 ล้านบาท
ต่อมา เมื่อเวลา 15.45 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,557.20 จุด ลดลง 34.45 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -2.16% มูลค่าการซื้อขาย 54,771.79 ล้านบาท
ล่าสุด เมื่อเวลา 16.02 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,569.07 จุด ลดลง 22.58 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.42% มูลค่าการซื้อขาย 62,987.67 ล้านบาท