จับชีพจรตลาดหุ้นไทยแนวโน้มมีโอกาสรีบาวนด์ โดยมีปัจจัยหนุนภายในประเทศเป็นหลัก ทั้งเงินบาทที่แข็งค่าสุดในรอบ 28 เดือน และการพิจารณา พ.ร.บ. กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนปัญหาไซปรัสยังคงต้องติดตามแผนภาษีเงินฝาก ขณะที่แบงก์ของไซปรัสยังปิดทำการต่อเนืองอีก 1-2 วัน เพื่อป้องกันความตื่นตระหนกแห่ถอนเงิน ทั้งนี้ เปิดตลาดเช้าดัชนีเด้งขึ้นแรงเกือบ 10 จุด
ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ (19 มี.ค.) คาดดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเม็ดเงินไหลเข้า โดยพบว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่า และปัจจัยหนุนภายในประเทศ ซึ่งการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ จะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดการเงินเช้าวันนี้ เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 29.39/41 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าสุดในรอบ 28 เดือน โดยมีการแข็งค่าขึ้นจากช่วงเย็นวานนี้ ซึ่งปิดตลาดที่ระดับ 29.52/54 บาทต่อดอลลาร์ โดยทิศทางเงินบาทวันนี้ คาดว่าน่าจะยังแข็งค่าได้ต่อจากเงินที่ยังไหลเข้ามาในออฟชอว์เพื่อขายดอลลาร์ และมีโอกาสจะแตะที่ระดับ 29.30 บาทต่อดอลลาร์
ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ปัญหาเศรษฐกิจของไซปรัส โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับแผนเก็บภาษีเงินฝาก แต่วันนี้ และพรุ่งนี้ ธนาคารของไซปรัสปิดทำการคงยังไม่มีความคืบหน้าใหม่ๆ และต้องรอรัฐสภาจะมีการลงมติว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด เพราะยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอนออกมา
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยเปิดภาคเช้า ดัชนีปรับตัวขึ้นแรงทันทีกว่า 8 จุด โดยเมื่อเวลา 10.16 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,601.14 จุด เพิ่มขึ้น 9.49 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.60% มูลค่าการซื้อขาย 8,131.07 ล้านบาท
