SET ปรับระบบ Back Office เสริมทัพไอที สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนไทยและต่างชาติ พัฒนาซอฟต์แวร์เชื่อมโยง Trading link บูรณาการ investor portal ให้นักลงทุนเห็นความสำคัญ ใช้ง่าย และสะดวกมากขึ้น
นางชนิสา ชุติภัทร์ ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้าสายงานปฏิบัติการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า “นโยบายหลักๆ แผนแม่บทดำเนินงานในปีนี้จะเน้นไปที่ 2 ส่วนหลักคือ นายทะเบียนหลักทรัพย์ และทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งจะวิเคราะห์การทำงาน Back Office ทั้งหมดเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนไทย และต่างประเทศ”
ส่วนที่หนึ่งคือ การปรับปรุงความเสี่ยงของสำนักหักบัญชี ซึ่งก่อนหน้านี้จะอ้างอิงสำนักหักบัญชีเพียงรายเดียวเท่านั้น แต่ต่อไปจะเพิ่มในส่วนของสำนักหักบัญชีให้มีสองรายเพื่อเปรียบเทียบ เพื่อให้ได้มาตรฐานสากล ส่วนที่สองคือ การปรับปรุงระบบเคลียริ่ง โดยริ้อระบบเก่าที่มีความล่าช้า และผิดพลาด เปลี่ยนเป็นนิว เคลียริ่ง ซิสเต็ม เพื่อให้อยู่บนแพลตฟอร์มระบบปฏิบัติการเดียวกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสามารถเชื่องโยงการทำงานดูแลความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น
นอกจากนั้น จะต่อยอดสมาชิกใหม่เพื่อให้บุคคลทั่วไป โบรกเกอร์ และนักลงทุนเข้ามาดูได้ง่ายขึ้น เช่น ในส่วนของบริการใหม่ๆ คือ SBL ให้ยืมหุ้นสำหรับสมาชิก และโบรกเกอร์ สามารถยืมเพื่อใช้ในธุรกรรมการลงทุน หรือโบรกเกอร์จะเอาไปให้ยืมต่อ แต่จะไม่ใช่เป็นการแข่งขันกับทางโบรกเกอร์แน่นอน แต่จะเป็นการดึงโบรกเกอร์มาเป็นพันธมิตร ซึ่งทาง ก.ล.ต. ได้อนุมัติให้ดำเนินการระยะเริ่มแรกใน SET50 โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มได้ในเดือนพฤษภาคมนี้ ในด้านวอลุ่มของ SBL นั้นยังไม่สามารถบอกตัวเลขที่ชัดเจนได้ รอข้อสรุปอย่างเป้นทางการที่ชัดเจนกว่านี้ก่อน
ในส่วนของ e-Dividend ที่มีผู้ใช้บริการผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 70% ของผู้ถือหุ้น ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เตรียมปรับปรุงเพื่อให้ได้รับบริการที่รวดเร็ว และมากขึ้น ทั้งนี้ การดำเนินงานที่เป็น Trading link สำหรับอาเซียนเพื่อเชื่อมโยงการซื้อขายหลักทรัพย์ระหว่างประเทศนั้น ยังไม่สามารถดำเนินการได้เต็มที่ เพราะยังติดข้อกฎหมายของบางประเทศอยู่ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นปี 2556 นี้
ด้าน settlement bank ที่จะเข้ามารับหน้าที่ชำระราคาแก่สมาชิกนั้น ตอนนี้กำลังเปิดรับสมัครธนาคารพาณิชย์ที่มีศักยภาพทางด้านความแข็งแกร่งและด้านการเงิน และเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมให้บริการแก่สมาชิกสำนักหักบัญชี โดยขณะนี้มีสำนักหักบัญชีหลักทรัพย์ 37 ราย และสำนักหักบัญชีซื้อขายล่วงหน้า 41 ราย ซึ่งถ้าหากธนาคารใดที่มีความสนใจสามารถยื่นสมัครได้ที่ สำนักหักบัญชีของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้
อีกหนึ่งการบริการที่จะเน้นหนักก็คือ investor portal ที่จะให้ผู้ถือหุ้นตรวจสอบการถือครองหุ้นของตัวเองว่ามีอะไร เท่าไหร่บ้าง สามารถดูย้อนหลังไปได้ถึง 3 ปี ซึ่งในปัจจุบันนี้มีคนใช้อยู่ 16,000 คน จากบัญชีทั้งสิ้น 1 ล้าน 6 แสนบัญชี และยังพิมพ์ใบหักภาษีรวมหุ้นแบบใบเดียวได้อีกด้วย ซึ่งใบหักภาษีแบบใหม่นี้จะเริ่มใช้ได้ในปีภาษี 56-57 คาดว่าในอนาคตจะมีนักลงทุนมาใช้ investor portal นี้เพิ่มขึ้น และจะพัฒนาให้รองรับกับสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตในหลายๆ โอเอสซึ่งตอนนี้ยังรองรับแต่ในระบบพีซีเท่านั้น