ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี โชว์งบแจ่ม ปี 55 กำไร 215.42 ล้านบาท โตกระฉูด 510.43% ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 3,000 ล้านบาท เติบโต 15-20% เผยแผนเน้นขาย Precast เร่งปรับปรุงพื้นที่ผลิต ระบบขนส่งให้มีศักยภาพ รองรับตลาดโต พร้อมลุยงานใหม่เพิ่มต่อเนื่อง เล็งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ครึ่งปีหลัง
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2555 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,605 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.02% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,265 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิมีจำนวน 215.42 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 510.43% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 35.29 ล้านบาท
โดยผลประกอบการของบริษัทมีการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากมีการส่งมอบงาน และรับรู้รายได้จากโครงภาคการรัฐ และเอกชนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ธุรกิจของบริษัทในกลุ่มทั้งธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง และอิฐมวลเบาได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นในส่วนของภาคเอกชนที่มีการลงทุนก่อสร้างในหลายภาคธุรกิจ เช่น อสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมการผลิต ส่งผลให้ยอดขายในทั้ง 2 ส่วนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งบริษัทยังมีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา จำนวน 78 ล้านบาท
นอกจากนี้ CCP ยังมีการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม อีกทั้งเน้นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงได้มากขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 16.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13.7%
ส่วนเป้าหมายการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ คาดว่ารายได้รวมจะมีการเติบโตประมาณ 15-20% โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทจะเน้นการรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่เกณฑ์ดีใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเน้นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) มากขึ้น ตามแนวโน้มความต้องการวัสดุทดแทนแรงงานของกลุ่มลูกค้า
นอกจากนี้ CCP จะมีการปรับปรุงพื้นที่การผลิตของโรงงาน ตลอดจนกระบวนการขนส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อให้การผลิตคอนกรีตรูปแบบต่างๆ ได้ปริมาณมากขึ้น สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างเพียงพอ ส่งมอบได้ตรงกำหนดการใช้งาน ตลอดจนเป็นการลดต้นทุนการดำเนินงานของบริษัท อีกทั้งมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในส่วนของคอนกรีตสำเร็จรูปในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากโครงการก่อสร้างต่างๆ เนื่องจากเป็นวัสดุทดแทนแรงงานที่จะเข้ามามีส่วนช่วยทั้งในเรื่องของต้นทุน และระยะเวลาในการก่อสร้าง
“เชื่อว่าการเติบโตในปีนี้จะเป็นไปอย่างมีศักยภาพ จากการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ของบริษัท ทั้งในส่วนของการผลิตที่สามารถรองรับปริมาณที่มากขึ้น มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย มีระบบการขนส่งครอบคลุม ตรงเวลา ขณะที่การขยายตัวของภาคธุรกิจก่อสร้างทั้งโครงการภาครัฐ และเอกชนในเขตกรุงเทพฯ และภาคตะวันออก จะเป็นปัจจัยที่หนุนให้ธุรกิจของ CCP เกิดการขยาย โดยปัจจุบัน CCP มี Backlog มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐ 50% และงานภาคเอกชน 50% ซึ่งบริษัทจะพยายามรักษาระดับมูลค่างานในมือให้อยู่ในระดับเดิมต่อเนื่อง เพื่อให้การรับรู้รายได้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ขณะที่โครงการใหม่ๆ ของภาครัฐที่จะทยอยออกมาในปีนี้ รวมทั้งงานเอกชนบริษัทก็มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลเพิ่มเติมเช่นกัน” นายอาทิตย์กล่าว
