คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส เปิดแผนกลยุทธ์ปี 2556 เดินหน้าด้วยโปรโมชันสุดคุ้ม ฉลอง Full License เพิ่มช่องทางลูกค้าเทรดอนุพันธ์ได้ทุกประเภท เน้นเสริมความรู้ควบคู่การลงทุน คาดส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 6%
น.ส.ณัฐฑี จุฑาวรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า “ตลาดการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ หรือโกลด์ฟิวเจอร์ส ในปี 2555 นั้น ค่อนข้างมีความผันผวน และประเมินทิศทางได้ยาก โดยมีการปรับฐานในช่วงครึ่งปีแรก หลังจากขึ้นมาตลอด 3 ปีเต็ม (2551-2554) แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความร้อนแรงในการเก็งกำไรของโกลด์ฟิวเจอร์สนั้นลดลง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในปี 2555 มีการเติบโตอยู่ที่ 300% ถือเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม บริษัทฯ มี Market Share เพิ่มขึ้น และก้าวเป็นอันดับ 1 ในโบรกเกอร์ทองติดต่อกันถึง 4 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่นักลงทุนยังให้ความสนใจการลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ส ทั้งลูกค้ารายเดิม และรายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ปัจจุบัน บริษัทฯ มีปริมาณสัญญาโดยเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 6,350 สัญญา
และล่าสุด บริษัทฯ ได้เป็นตัวแทนในการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าแบบ Full License ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อขายทุกประเภทสินค้าในตลาดอนุพันธ์ (ยกเว้น USD Futures) และบริษัทฯ สามารถให้บริการซื้อขายแบบ Full Derivative ทำให้มั่นใจได้ว่า จะช่วยตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของนักลงทุน รวมทั้งสร้างโอกาสการทำกำไรใหม่ๆ ในพอร์ตการลงทุนของลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงแรกของการเปิดบริการ Full Derivative บริษัทจะเน้นในเรื่องการเทรด Gold Futures และ SET 50 Futures เป็นหลักก่อน เนื่องจากมองว่าทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นี้กำลังเป็นที่น่าสนใจ และมีโอกาสทำกำไรให้แก่นักลงทุนได้มากขึ้น คาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดรวมในทุกผลิตภัณฑ์อยู่ที่ประมาณ 6% ได้อย่างแน่นอน
โดยหลังจากได้ Full License แล้ว บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมให้แก่ลูกค้าด้วยการจัดสัมมนาเพิ่มเติมความรู้ ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีจัดสัมมนาในงานมหกรรมการเงินต่างๆ ที่บริษัทได้เข้าร่วม และการสัมมนาที่บริษัทจัดขึ้นทุกวันอังคาร และวันพฤหัสบดี นอกจากนี้ ยังมีการจัดโปรโมชันเพื่อคืนกำไรให้แก่ลูกค้า โดยล่าสุด เพิ่งปล่อยโปรโมชัน “Good in taste with Classic point” ที่เพียงสะสมคะแนนรับทันทีกับบัตรกำนัลร้านอาหารชั้นนำ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม 2556 ไม่เพียงเท่านี้ คลาสสิก โกลด์ฯ ยังมีแผนปล่อยโปรโมชันพิเศษมาเอาใจลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีอีกด้วย
“สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในช่วงเดือนมีนาคมนี้ยังอยู่ในช่วงขาลง เนื่องจากภาพรวมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และการลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุน และกองทุนต่างๆ ลง โดยการโยกเงินเข้าไปยังสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาทางการเมืองในยุโรป และการแก้ไขปัญหา fiscal cliff ที่จะเริ่มกลับเข้ามามีบทบาทต่อตลาดทองคำอีกครั้ง อาจส่งผลให้ราคาทองคำมีการเคลื่อนไหวผันผวน ทั้งนี้ การที่เฟด หรือ ธ.กลางสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะใช้มาตรการ QE ต่อไป อาจเป็นแรงกระตุ้นให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม น้ำหนักการลงทุนยังไปที่สินทรัพย์เสี่ยง ทำให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ทำ new high เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนการแข็งค่าเงินของค่าเงิน US dollar อาจจะกดดันต่อราคาทองคำให้ปรับขึ้นในกรอบที่จำกัด แต่ทั้งนี้ การปรับตัวลดลงมาแรงในช่วงที่ผ่านมาของราคาทองคำ อาจกระตุ้นให้มีแรงซื้อกลับเข้ามา ”
ทั้งนี้ การปรับขึ้นยังมองว่าเป็นการปรับขึ้นในระยะสั้น ยังไม่เห็นแนวโน้มการวกกลับเป็นขาขึ้นที่ชัดเจน โดยมีแนวต้านสำคัญ ได้แก่ 1,600/1,640 เป็นต้น หากยังไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวอย่างแข็งแกร่ง ราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวร่วงลงมาอีกครั้ง แนวรับ 1,565/1,555-1,525/1,500 แนวต้าน 1,600/1,640 กรอบการเคลื่อนไหว 1,555/1,640 ทะลุกรอบดังกล่าวไปได้ไกลอีก 20-30 เหรียญ
น.ส.ณัฐฑี จุฑาวรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า “ตลาดการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ หรือโกลด์ฟิวเจอร์ส ในปี 2555 นั้น ค่อนข้างมีความผันผวน และประเมินทิศทางได้ยาก โดยมีการปรับฐานในช่วงครึ่งปีแรก หลังจากขึ้นมาตลอด 3 ปีเต็ม (2551-2554) แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความร้อนแรงในการเก็งกำไรของโกลด์ฟิวเจอร์สนั้นลดลง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในปี 2555 มีการเติบโตอยู่ที่ 300% ถือเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม บริษัทฯ มี Market Share เพิ่มขึ้น และก้าวเป็นอันดับ 1 ในโบรกเกอร์ทองติดต่อกันถึง 4 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่นักลงทุนยังให้ความสนใจการลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ส ทั้งลูกค้ารายเดิม และรายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ปัจจุบัน บริษัทฯ มีปริมาณสัญญาโดยเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 6,350 สัญญา
และล่าสุด บริษัทฯ ได้เป็นตัวแทนในการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าแบบ Full License ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อขายทุกประเภทสินค้าในตลาดอนุพันธ์ (ยกเว้น USD Futures) และบริษัทฯ สามารถให้บริการซื้อขายแบบ Full Derivative ทำให้มั่นใจได้ว่า จะช่วยตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของนักลงทุน รวมทั้งสร้างโอกาสการทำกำไรใหม่ๆ ในพอร์ตการลงทุนของลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงแรกของการเปิดบริการ Full Derivative บริษัทจะเน้นในเรื่องการเทรด Gold Futures และ SET 50 Futures เป็นหลักก่อน เนื่องจากมองว่าทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นี้กำลังเป็นที่น่าสนใจ และมีโอกาสทำกำไรให้แก่นักลงทุนได้มากขึ้น คาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดรวมในทุกผลิตภัณฑ์อยู่ที่ประมาณ 6% ได้อย่างแน่นอน
โดยหลังจากได้ Full License แล้ว บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมให้แก่ลูกค้าด้วยการจัดสัมมนาเพิ่มเติมความรู้ ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีจัดสัมมนาในงานมหกรรมการเงินต่างๆ ที่บริษัทได้เข้าร่วม และการสัมมนาที่บริษัทจัดขึ้นทุกวันอังคาร และวันพฤหัสบดี นอกจากนี้ ยังมีการจัดโปรโมชันเพื่อคืนกำไรให้แก่ลูกค้า โดยล่าสุด เพิ่งปล่อยโปรโมชัน “Good in taste with Classic point” ที่เพียงสะสมคะแนนรับทันทีกับบัตรกำนัลร้านอาหารชั้นนำ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม 2556 ไม่เพียงเท่านี้ คลาสสิก โกลด์ฯ ยังมีแผนปล่อยโปรโมชันพิเศษมาเอาใจลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีอีกด้วย
“สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในช่วงเดือนมีนาคมนี้ยังอยู่ในช่วงขาลง เนื่องจากภาพรวมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และการลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุน และกองทุนต่างๆ ลง โดยการโยกเงินเข้าไปยังสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาทางการเมืองในยุโรป และการแก้ไขปัญหา fiscal cliff ที่จะเริ่มกลับเข้ามามีบทบาทต่อตลาดทองคำอีกครั้ง อาจส่งผลให้ราคาทองคำมีการเคลื่อนไหวผันผวน ทั้งนี้ การที่เฟด หรือ ธ.กลางสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะใช้มาตรการ QE ต่อไป อาจเป็นแรงกระตุ้นให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม น้ำหนักการลงทุนยังไปที่สินทรัพย์เสี่ยง ทำให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ทำ new high เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนการแข็งค่าเงินของค่าเงิน US dollar อาจจะกดดันต่อราคาทองคำให้ปรับขึ้นในกรอบที่จำกัด แต่ทั้งนี้ การปรับตัวลดลงมาแรงในช่วงที่ผ่านมาของราคาทองคำ อาจกระตุ้นให้มีแรงซื้อกลับเข้ามา ”
ทั้งนี้ การปรับขึ้นยังมองว่าเป็นการปรับขึ้นในระยะสั้น ยังไม่เห็นแนวโน้มการวกกลับเป็นขาขึ้นที่ชัดเจน โดยมีแนวต้านสำคัญ ได้แก่ 1,600/1,640 เป็นต้น หากยังไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวอย่างแข็งแกร่ง ราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวร่วงลงมาอีกครั้ง แนวรับ 1,565/1,555-1,525/1,500 แนวต้าน 1,600/1,640 กรอบการเคลื่อนไหว 1,555/1,640 ทะลุกรอบดังกล่าวไปได้ไกลอีก 20-30 เหรียญ