ภาพรวมตลาดอนุพันธ์ปี 55 “โกลด์ฟิวเจอร์ส” หล่นแชมป์ ขณะที่ Set 50 Index Futures กลับมาทวงบัลลังก์สินค้าที่ฮอตสุด จากภาวะตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นสูง ดึงนักลงทุนต่างประเทศสนใจเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง คาดปีหน้ายังโดดเด่นต่อเนื่อง ส่วนด้าน Single Stock Futures ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมการซื้อขายของตลาดอนุพันธ์ในปี 2556 ว่า ตั้งแต่ต้นปีโดยรวมปริมาณการซื้อขายของสัญญาล่วงหน้าทุกประเภทไม่แตกต่างจากปี 2554 ส่วนตัวมองว่า สาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากราคาทองคำในปีนี้ไม่ได้ปรับตัวร้อนแรงเหมือนเช่นปีที่ผ่านมา ซึ่งราคาทองคำเคยปรับตัวสูงขึ้นไปแตะ 1,900 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ จึงทำให้นักลงทุนสนใจเข้าไปลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (โกลด์ ฟิวเจอร์ส) จำนวนมาก
ทั้งนี้ เมื่อโกลด์ฟิวเจอร์สในปีนี้ไม่ได้ปรับตัวผันผวน หรือร้อนแรงเท่ากับปี 2554 ก็ส่งผลให้สินค้าที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนในตลาดอนุพันธ์มากที่สุดในปีนี้ คือ Set 50 Index Futures ซึ่งมีวอลุ่มซื้อขายเฉลี่ยมากกว่า 1 หมื่นสัญญา/วัน และมีสถานะคงค้างในปัจจุบันสูงถึงเกือบ 50,000 สัญญา เพราะเมื่อมองตั้งแต่ต้นปีจะพบว่า ดัชนีหลักทรัพย์ในปี 2555 มีการปรับตัวขึ้นมาสูงมาก ซึ่งหมายถึงสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น
นอกจากนี้ พบว่าการลงทุนในตลาดอนุพันธ์ของไทยในปัจจุบันได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศมากขึ้นกว่าเดิม และถือว่ามีส่วนต่อการกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดด้วยเช่นกัน แม้โดยรวมจะยังมีปริมาณการซื้อขายที่น้อยกว่าลงทุนในประเทศ และการซื้อขายของสถาบันในประเทศก็ตาม
“ปริมาณการซื้อขายของนักลงทั่วไป หรือรายย่อยยังถือเป็นสัดส่วนที่มีมากสุดในตลาดอนุพันธ์ เช่น รายย่อยจะซื้อต่อวันประมาณ 5,000 สัญญา สถาบันในประเทศซื้อประมาณ 3,000 สัญญา/วัน ที่เหลืออีก 2,000 สัญญาจะเป็นการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ขณะเดียวกัน การเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติในตลาดอนุพันธ์ ก็ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกทิศทางตลาดหุ้นไทยได้อีกทิศทางหนึ่งเช่นกัน เช่นหากในตลาดหุ้นมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาจำนวนมาก และในตลาดอนุพันธ์ นักลงทุนต่างชาติเข้ามาถือสถานะ Long แสดงว่า พวกเขาเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวไปได้อีก แต่ถ้าหากเข้ามาถือสถานะ Short ก็บ่งบอกว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีความเสี่ยง เพราะเขาถือทั้ง 2 ขา คือ เข้าลงทุนในหุ้นเพื่อหวังทำกำไร และมาลงทุนในอนุพันธ์ด้วย Short เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการลงทุน”
ส่วนสินค้าอนุพันธ์ประเภทอื่นๆ ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนรองลงมาจาก Set 50 Index Futures และโกลด์ ฟิวเจอร์สนั้นคือ Single Stock Futures ที่มีอยู่ในปัจจุบันถึง 30 บริษัท โดยเฉพาะ ADVANC BTS และหุ้นในกลุ่มแบงก์
สำหรับ Derivative Warrants (DW) โดยรวมได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นมากกว่าในช่วงแรก หลังจากบริษัทหลักทรัพย์เริ่มเปิดให้บริการ และเพิ่มสินค้าใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ยังเป็นไปในลักษณะวงจำกัด โดยเฉพาะในแง่ปริมาณบัญชีซื้อขายที่เปิดขึ้นมาเพื่อเข้ามาลงทุนใน DW
ขณะที่ ออยล์ฟิวเจอร์ส (Oil Futures) และสัญญาอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราล่วงหน้า (Currency Futures) โดยรวมมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมาเคลื่อนไหวในลักษณะไซด์เวย์ ไม่มีความผันผวนมากนักทำให้การลงทุนออยล์ ฟิวเจอร์สได้รับความสนใจจากนักลงทุนน้อยลง เช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่ผ่านมา ที่อยู่ในลักษณะทรงตัว ไม่มีความผันผวนมากนัก จนได้รับความสนใจลดลงไปด้วยเช่นกัน
ด้าน นายสัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก จำกัด กล่าวถึงภาพรวมการซื้อขายโกลด์ ฟิวเจอร์สในตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) ว่า โดยรวมปี 2555 ความน่าสนใจของนักลงทุนต่อสินค้าดังกล่าวนั้นน้อยลงไปจากปี 2554 เนื่องจากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านที่สำคัญคือ 1,800 เหรียญ/ออนซ์ได้ แม้จะมีความผันผวนมาตลอดทั้งปี จึงทำให้ปริมาณการซื้อขายในโกลด์ฟิวเจอร์สลดลง ขณะที่สินค้าลงทุนที่มีบทบาทมากที่สุดของตลาดอนุพันธ์ในปี 2555 คือ Set 50 Index Futures
เนื่องจากดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาโดยตลอด อีกทั้งนักลงทุนต่างประเทศก็หันมาให้ความสนใจลงทุนใน Set 50 Index Futures มากขึ้น จนทำให้คาดว่าในปี 2556 ดัชนีหุ้นไทยยังปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่จะมีความผันผวนมาก ซึ่งทาง บล.โกลเบล็ก ประเมินไว้ที่ 1,450-1,470 จุด
