“เอ็นพาร์ค” เผยการดำเนินงานปี 55 รายได้รวม 816.52 ล้านบาท หลักๆ มาจากกำไรจากจำหน่ายเงินลงทุน และปรับโครงสร้างหนี้ ดันให้ปี 55 พลิกจากขาดทุนเป็นกำไรอยู่ที่ 377 ล้านบาท ด้านผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่อกรณีโครงการร้อยชักสาม
นายนคร ลักษณกาญจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ N-PARK แจ้งว่า ทางบริษัทฯ ได้นำส่งงบการเงินรวม และงบการเงินเฉพาะบริษัท สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีให้แก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเผยแพร่ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนทั่วไปนั้น ณ สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.55 ระบุว่า บริษัทมีรายได้รวม จำนวน 816.52 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม จำนวน 439.51 ล้านบาท และบริษัทมีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ จำนวน 376.51 ล้านบาท ทำให้ในปี 55 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันในปี 2554 จำนวน 484.81 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2555 บริษัทมีกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วม จำนวน 294.29 ล้านบาท และกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มขึ้นจากปี 54 จำนวน 112.91 ล้านบาท ถึงแม้จะมีกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องลดลงจากปี 2554 จำนวน 148.99 ล้านบาทก็ตาม
รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่ลดลงจากการบริหารงาน จำนวน 59.07 ล้านบาท สืบเนื่องจากโครงการพนักงานสมัครใจลาออกก่อนกำหนด (EARLY RETIREMENT) ในปี 2554 และส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมลดลง จำนวน 75.51ล้านบาท จึงทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันในปี 2554
ในด้านฐานะการเงินของบริษัท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 1,701.47 ล้านบาท และหนี้สินรวม 779.7 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ 921.19 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ด้าน น.ส.กรรณิการ์ วิภาณุรัตน์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต เลขที่ 7305 บริษัท กรินทร์ ออดิท จำกัด กทม. ให้ได้ข้อมูล และเหตุการณ์ที่เน้น โดยไม่ได้เป็นการแสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไข ข้าพเจ้าขอให้สังเกตหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 27.2.ก) กิจการร่วมค้าได้ปฏิบัติตามข้อสัญญาที่เกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงโรงภาษีร้อยชักสามกับหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง มาเป็นลำดับ แต่เกิดปัญหาอุปสรรคขึ้นในการก่อสร้างอาคารโรงแรมแปลงที่ตั้งโรงภาษีร้อยชักสาม เนื่องจากทางหน่วยงานราชการดังกล่าวไม่สามารถส่งมอบพื้นที่โครงการในส่วนนี้ให้แก่กิจการร่วมค้าได้
ปัญหาดังกล่าวข้างต้น กิจการร่วมค้าได้ทำหนังสือแจ้งต่อหน่วยงานราชการดังกล่าวมาเป็นลำดับ นอกจากนี้ ได้มีหนังสือเพื่อขอให้หน่วยงานราชการดังกล่าวพิจารณาหยุดนับระยะเวลา “อายุการบริหารโครงการ” และ “ระยะเวลาเช่า” ตามสัญญาร่วมลงทุนก่อสร้างและบริหาร ฉบับลงวันที่ 10 พฤษภาคม 2548 โดยขอให้หยุดนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2548 เป็นต้นไป จนกว่าจะถึงวันที่หน่วยงานราชการดังกล่าวจะได้ส่งมอบพื้นที่ดังกล่าวให้กิจการร่วมค้าทำการก่อสร้างต่อไป เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2553 บริษัทได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังอีกทางหนึ่ง และในวันที่ 3 พฤษภาคม 2553 บริษัทได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมฉบับที่ 2 ถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งในเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการของกรมธนารักษ์ เพื่อส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุด หรือคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อทำความเห็นในทางกฎหมาย และรวบรวมเสนอยังคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
สำหรับเรื่องปัญหาการโยกย้ายหน่วยงานราชการอีกแห่งหนึ่ง ออกจากพื้นที่โครงการเป็นปัญหาข้อพิพาทระหว่างหน่วยราชการด้วยกันเอง คณะกรรมการประสานงานการลงทุนก่อสร้างและบริหารโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงที่ตั้งโรงภาษีร้อยชักสามได้มีมติให้กรมธนารักษ์ส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม ได้มีหนังสือบันทึกข้อความกรมธนารักษ์ ระบุผลการหารือข้อกฎหมายของที่ปรึกษากรมธนารักษ์ (รองอัยการสูงสุด) แจ้งผลการพิจารณาข้อกฎหมาย ว่ากิจการร่วมค้ามิใช่เป็นผู้ผิดสัญญาที่คู่สัญญาฝ่ายรัฐจะบอกเลิกสัญญาได้ เนื่องจากหน่วยงานราชการอีกแห่งหนึ่งยังไม่ย้ายออก และหน่วยงานราชการคู่สัญญายังไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ และดำเนินการปักผังก่อสร้างอาคารได้ ซึ่งหากมีการส่งมอบพื้นที่ และปักผังก่อสร้างอาคารเรียบร้อยแล้ว ผู้บริหารยังมีความตั้งใจดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป
อนึ่ง ในขณะนี้ทางบริษัทแนเชอรัลฯ อยู่ระหว่างเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลือจากการจองซื้อของผู้ถือหุ้นเดิมบางส่วน จำนวน 53,500,000,000 หุ้น โดยจะมีการจัดสรรให้แก่นักลงทุนเฉพาะเจาะจง ซึ่งอันดับ 1 ได้แก่ นายประชา มาลีนนท์ และ/หรือ บริษัทที่นายประชา มาลีนนท์ เป็นผู้ถือหุ้นเกินกว่า 50% จำนวน 29,500,000,000 หุ้น คิดเป็น 55.14% และคิดเป็นของทุนจดทะเบียนที่จะเรียกชำระ 24.50% เป็นต้น