ผู้ว่า ธปท. มองปัญหา ปชช. แห่ถอนเงิน 2 แบงก์รัฐ “เอสเอ็มอี-ไอแบงก์” ไม่กระทบโครงสร้างระบบธนาคาร เนื่องจากธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทั้ง 2 แห่ง รัฐบาลเป็นเจ้าของ และถือหุ้น 100% ดังนั้น คงจะไม่ปล่อยให้ผู้ฝากเงินต้องรับความเสี่ยง พร้อมระบุทั้ง 2 แบงก์ มีส่วนแบ่งการตลาดในด้านของเงินฝากไม่สูงนัก
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า การที่ประชาชนแห่ถอนเงินจากธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ 2 แห่ง คือ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) และธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอีแบงก์) เพื่อไปฝากเงินในธนาคารพาณิชย์อื่นแทนนั้น ยืนยันว่าไม่ได้สร้างปัญหาให้แก่ระบบธนาคารพาณิชย์
ทั้งนี้ เนื่องจากธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทั้ง 2 แห่งมีรัฐบาลเป็นเจ้าของ และถือหุ้น 100% ดังนั้น คงจะไม่ปล่อยให้ผู้ฝากเงินต้องรับความเสี่ยงได้ ประกอบกับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทั้ง 2 แห่งดังกล่าว มีส่วนแบ่งการตลาดในด้านของเงินฝากไม่สูงนัก
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในการกำกับดูแลการดำเนินงานของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐนั้น กระทรวงการคลังได้ขอให้ ธปท.เข้าตรวจสอบการดำเนินงานในบางส่วน และรายงานกลับไปยังกะทรวงการคลัง ซึ่งในกรณีนี้ หากกระทรวงการคลังต้องการให้เข้าไปช่วยเหลือ ทาง ธปท.ก็ยินดี
ส่วนกรณีที่พม่าจะหยุดส่งก๊าซให้ไทยชั่วคราวในระหว่างวันที่ 5-14 เม.ย.56 ซึ่งอาจมีปัญหาต่อระบบไฟฟ้าในประเทศไทยบ้างนั้น ผู้ว่าฯ ธปท. ระบุว่า คงไม่น่ากังวลต่อวิธีการชำระเงินในระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการชำระเงินในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง เพราะ ธปท.จัดทำระบบสำรองไว้ 2 ระบบ จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา
ด้านนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดทำระบบการเก็บข้อมูลสำรอง และไฟฟ้าสำรองไว้รองรับแล้วนานถึง 1 สัปดาห์ ทั้งกรณีไฟตกไฟดับ จึงเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายหุ้น ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ และโบรกเกอร์ได้จัดทำแผนเพื่อทดสอบระบบร่วมกันอยู่แล้วเป็นระยะ จึงเชื่อว่ากรณีที่พม่าหยุดส่งก๊าซฯ ให้ไทยจึงไม่น่าจะเป็นปัญหา