xs
xsm
sm
md
lg

FPI ปี 55 กำไรพุ่ง 156.23% ปันผลอีก 8 สต.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ฟอร์จูนพาร์ทฯ โชว์ผลงานปี 55 โตกระโดด 156.23% ทุบสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท รับ
อานิสงส์นโยบายรถคันแรก หนุนออเดอร์ทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมวางเป้ารายได้ปี 56 ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 20% เล็งทุ่มงบ 150 ล้านบาท ขยายแบบแม่พิมพ์ชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่ม หวังสร้างการเติบโตในอนาคตอย่างมั่นคง

นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูนพาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการปี 2555 ถือว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล ทำให้บริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกัน คำสั่งซื้อจากต่างประเทศก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กำไรสุทธิในปี 2555 ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาเป็นระยะเวลา 20 ปี โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 162.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99.10 ล้านบาท เติบโต 156.23% จากปี 2554 ที่มีกำไรสุทธิ 63.43 ล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ 1,585.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.50 ล้านบาท เติบโต 21.95% จากปี 2554 ที่มีรายได้ 1,300.36 ล้านบาท

“จากนโยบายคืนภาษีรถคันแรกของรัฐบาล ทำให้เรามีออเดอร์เข้ามาเป็นจำนวนมาก ประกอบกับการบริหารจัดการด้านต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2555 พุ่ง 156.23% ทุบสถิติใหม่ในรอบ 20 ปี” นายสมพลกล่าว

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการของ FPI ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 55 เพิ่มอีกหุ้นละ 0.08 บาท และก่อนหน้านี้ FPI ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นไปแล้ว 0.12 บาทต่อหุ้น คิดเป็นการจ่ายปันผลทั้งปี หุ้นละ 0.20 บาท และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 17 เมษายน 56 และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยวิธีการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น ในวันที่ 18 เมษายน 2556 และกำหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 2 พฤษภาคม 56 อย่างไรก็ตาม สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าว ยังไม่มีความแน่นอน เนื่องจากต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น

นายสมพล กล่าวต่อว่า FPI ตั้งเป้ารายได้ในปี 56 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน 1.58 พันล้านบาท เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกที่ยังได้รับผลดีต่อเนื่องจากนโยบายรถคันแรกที่มีจำนวนคำสั่งซื้อรอส่งมอบเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ บริษัทฯ จะบุกตลาดต่างประเทศมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในอนาคต ซึ่งปัจจุบัน อยู่ระหว่างศึกษาตลาดรถยนต์เกาหลี เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต เพราะปัจจุบัน รถยนต์เกาหลีเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในตลาดอเมริกาใต้ แอฟริกาใต้ และตะวันออกกลาง เนื่องจากมีราคาถูก

สำหรับแผนลงทุนในปีนี้วางไว้ที่ 150 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนขยายแบบแม่พิมพ์ชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 150 แบบ จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 1,500 แบบ ซึ่งคาดหวังว่าการลงทุนดังกล่าวจะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทปีละ 100-150 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมเงินลงทุนอีก 10 ล้านบาท ใช้สำหรับขยายไลน์ผลิตโปรดักต์ประเภทหลอดไฟรถยนต์


กำลังโหลดความคิดเห็น