ประชานิยมเป็นพิษ “คนซื้อรถคันแรก” เริ่มคืนเงิน “สรรพสามิต” เผยรับสภาพผ่อนชำระค่างวดไม่ไหว “สมชาย” สั่งจับตาใกล้ชิด เพราะจ่ายให้ประชาชนไปแล้วกว่า 50,000 ราย ส่วนกรณี “ฮอนด้า” โวย “นิววีออส” ผิดเงื่อนไข เป็นเรื่องของผู้ประกอบการ
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามความเคลื่อนไหวในโครงการรถคันแรก เพราะหลังจากโครงการสิ้นสุดลงเมื่อปลายปี 2555 พบว่า มีประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ 2-3 ราย นำเงินมาคืนให้กรมฯ ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ที่เข้าโครงการ เพราะไม่สามารถครอบครองรถยนต์ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ 5 ปีได้ โดยให้เหตุผลว่า ไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดกับบริษัทสินเชื่อเช่าซื้อ (ลีสซิ่ง) ได้
ทั้งนี้ กรมฯ ได้ประสานกับบริษัทลีสซิ่งเพื่อตรวจสอบข้อมูลในอนาคตว่า จะมีการยึดรถคืนหรือไม่ แต่เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา เพราะการปล่อยกู้นั้นจะต้องดูรายละเอียด และความสามารถในการผ่อนรถของผู้ที่ใช้สิทธิโครงการรถคันแรกอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ได้ส่งข้อมูลให้กรมบัญชีกลาง และได้ดำเนินการทยอยจ่ายคืนเงินภาษีให้แก่ประชาชนที่ถือครองสิทธิครบ 1 ปีแล้วกว่า 50,000 ราย คิดเป็นเงิน 4,000 ล้านบาท โดยขณะนี้ ยังไม่พบปัญหาในการดำเนินการส่วนดังกล่าว รวมทั้งยังมีเงินที่เหลือจากงบประมาณอีก 3,000 ล้านบาท หากไม่พอทางกรมบัญชีกลางจะเป็นผู้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติวงเงินเพิ่ม
สำหรับกรณีค่ายรถยนต์ฮอนด้าออกมาระบุว่า รถยนต์รุ่นนิว วีออส 2013 ของบริษัทโตโยต้า ไม่เข้าข่ายโครงการรถคันแรกนั้น ถือเป็นเรื่องระหว่าง 2 บริษัท เพราะกรมฯ ได้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เท่านั้น หากรถยนต์รุ่นใดที่เข้าเงื่อนไขตามข้อกำหนด ก็จะมีการจ่ายเงินคืนตามเงื่อนไขปกติ
นายสมชาย กล่าวว่า ตนเองได้สั่งเจ้าหน้าที่เข้มงวดในการตรวจสินค้าหลีกเลี่ยงภาษี ทั้งสุราเถื่อน บุหรี่เถื่อน และน้ำมันเถื่อน เพราะมีความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนต่อเนื่องถึงเทศกาลสงกรานต์ที่ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน ซึ่งได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจจากสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตทั่วประเทศ โดยดำเนินงานตามมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง รวมทั้งจูงใจผู้ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาสู่ระบบภาษีให้มากขึ้น
นอกจากนี้ ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมศุลกากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองทัพเรือ เพื่อร่วมกันตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพื้นที่ที่คาดว่าอาจจะกระทำผิด เช่น บริเวณแนวตะเข็บชายแดน แหล่งชุมชน และสถานบริการ ทั้งนี้ ผลการปราบปรามช่วง 4 เดือน (ต.ค.55-ม.ค.56) จับกุมผู้กระทำผิดทั่วประเทศได้ 13,913 คดี เปรียบเทียบปรับเป็นเงินทั้งสิ้น 149.50 ล้านบาท