ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยช่วงที่ตลาดหุ้นคึกคักปริมาณการซื้อขายสูง เอื้ออำนวยต่อการสร้างราคาหุ้น และทำได้ง่าย ขณะที่กระบวนการตรวจสอบก็ทำได้ยากขึ้น ต้องใช้วิธีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และแยกให้ออกระหว่างการเก็งกำไร หรือการสร้างราคาหุ้น ยอมรับตรวจพบการปั่นหุ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และส่งหลักฐานให้สำนักงาน ก.ล.ต. ตรวจสอบแล้ว แต่ไม่สามารถเผยรายละเอียดได้
นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานกำกับตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการตรวจสอบ และพบพฤติกรรมที่เข้าข่ายสร้างราคาหุ้น และได้มีการนำส่งเรื่อง และหลักฐานในการดำเนินการให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พิจารณาแล้ว ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนได้
นายสุภกิจ ยอมรับว่า ช่วงที่ภาวะตลาดคึกคักทั้งวอลุ่ม และปริมาณการซื้อขาย ถือว่าเป็นสภาพตลาดที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างราคาหุ้น และทำได้ง่าย ขณะที่กระบวนการตรวจสอบก็ทำได้ยากขึ้น ต้องใช้วิธีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และแยกให้ออกระหว่างการเก็งกำไร หรือการสร้างราคาหุ้น
ทั้งนี้ มาตรการซื้อขายหุ้นในบัญชี Cash Balance คือ บัญชีซื้อขายหุ้นที่ลูกค้าจะต้องวางเงินสดไว้ล่วงหน้ากับสมาชิกเต็มจำนวนที่จะซื้อนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยอมรับว่ามีความเข้มงวดมากขึ้น แต่ก็เป็นวิธีการปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง และพิจารณาตามสภาพของตลาดหุ้นโดยรวม ซึ่งเกณฑ์การพิจารณาหุ้นที่จะเข้าข่ายต้องซื้อขายในบัญชีดังกล่าวนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ จะใช้เกณฑ์ส่วนหนึ่งร่วมกับเกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความเข้มงวดมากขึ้น เพราะมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะปกป้องผู้ลงทุน และเตือนให้ผู้ลงทุนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนรวมในการเก็งกำไรที่ร้อนแรงเกินไป ซึ่งจะเห็นว่าปี 2554 มีประกาศหุ้นที่ซื้อขายในบัญชีแคช บาลานซ์ 30 หลักทรัพย์ มีการประกาศ 48 ครั้ง ปี 2555 มีหุ้นที่ต้องซื้อขายในบัญชีดังกล่าว 48 หลักทรัพย์ ประกาศ 80 ครั้ง
ขณะที่ในปี 2556 เปิดทำการมาได้เพียง 1 เดือน มีหุ้นที่ต้องซื้อขายในบัญชีเงินสดรวม 28 หลักทรัพย์ ดังนั้น จะเห็นว่าหุ้นที่มีความร้อนแรงมากขึ้นหากเทียบกับช่วงที่ผ่านมา และเป็นการแสดงให้เห็นว่าการเก็งกำไรมีเพิ่มขึ้นมาก ทำให้เป็นสาเหตุที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องมีความเข้มงวดมากขึ้น