ตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งหนังสือเตือนโบรกเกอร์สอดส่องดูแลการซื้อขายหุ้นเก็งกำไร หลังพบมีหลักทรัพย์กว่า 61 ตัว ค่าพี/อี เกิน 40 เท่า กลับเทรดกันคึกคักโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทำหนังสือถึงบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทุกแห่ง เพื่อขอความร่วมมือในการกำกับดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีการเก็งกำไรสูง รวมทั้งทบทวนความเข้าใจในหลักการของการซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยบัญชีเงินสด (แคช บาลานซ์) เนื่องจากปัจจุบันพบว่า มีหุ้นที่มีราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พีอี) สูงมากกว่า 40 เท่า มีถึง 61 ตัว รวมทั้งหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็ก โดยบางตัวไม่มีปัจจัยพื้นฐานเข้ามารองรับ และมีกำไรไม่สอดคล้องกับพีอีที่ปรับเพิ่มขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงต้องการให้บริษัทหลักทรัพย์แนะนำผู้ลงทุนในเรื่องนี้ด้วย ไม่ใช่เป็นการแนะนำให้ลงทุนเพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมาตรการตรวจสอบ และดูแลความเคลื่อนไหวราคาหุ้นตลอดเวลาอยู่แล้ว โดยหากการขอความร่วมมือจากโบรกเกอร์ครั้งนี้ ไม่ทำให้ความร้อนแรงของราคาหุ้นลดลง ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีมาตรการคุมเข้มอื่นๆ รองรับนอกเหนือจากมาตรการเบื้องต้น คือ การให้ลูกค้าซื้อขายผ่านบัญชีแคช บาลานซ์ และให้บริษัทชี้แจงข้อมูล (Trading Alert List)
นักลงทุนทุกคนควรใช้สติในการลงทุน โดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจบริษัทนั้นๆ เป็นหลัก และควรใช้เงินสดในการลงทุน ไม่ควรกู้ยืมเงินมาลงทุน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาภายหลัง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในหนังสือที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งถึงบริษัทหลักทรัพย์ ระบุว่า จากการติดตามการซื้อขายในช่วงที่ผ่านมา พบมีการซื้อขายในลักษณะเก็งกำไรสูงในหลายหลักทรัพย์ โดยราคา และปริมาณปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากจากช่วงก่อนหน้า และพบหลายหลักทรัพย์ดังกล่าวเคลื่อนไหวผิดปกติจนเข้าข่ายที่ต้องให้ลูกค้าซื้อขายผ่านบัญชีแคช บาลานซ์ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงต้องดำเนินการให้บริษัทชี้แจงข้อมูล (เทรดดิ้ง อะเลิร์ต ลิสต์)
ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยง ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้บริษัทหลักทรัพย์เพิ่มความระมัดระวังในการกำกับดูแลการซื้อขายของลูกค้า โดยเฉพาะในหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายเก็งกำไรสูง และไม่มีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน รวมทั้งขอทำความเข้าใจในหลักการของการซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยบัญชีแคช บาลานซ์ ว่า ต้องเป็นบัญชีที่ลูกค้าวางเงินสดไว้ล่วงหน้าเต็มจำนวนกับบริษัทหลักทรัพย์ก่อนการซื้อหลักทรัพย์ ไม่สามารถใช้หลักประกันอื่นใดนอกจากเงินสดมาวางแทนได้
ด้านโบรกเกอร์ระบุว่า ปัจจุบันการซื้อขายหุ้นเพื่อการเก็งกำไรนั้น อาจจะมีปริมาณสูงถึง 2-3 หมื่นล้านบาท จากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ต่อวันสูงถึง 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งการเล่นหุ้นเพื่อการเก็งกำไรเป็นสิทธิที่นักลงทุนสามารถทำได้อยู่แล้วในตลาดหุ้น แต่นักลงทุนเองจะต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุน ทั้งในหุ้นที่มีการเก็งกำไรสูงที่มีความเสี่ยงที่สูงมาก รวมถึงในหุ้นทั่วไปด้วย
ทั้งนี้ หนังสือที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งให้แก่บริษัทหลักทรัพย์ เป็นการขอความร่วมมือ และใช้ความระมัดระวังในการกำกับดูแลลูกค้าในการซื้อขายผ่านบัญชีเงินสดเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่า การซื้อหุ้นเก็งกำไรนั้นจะมีความเสี่ยงต่อบริษัทหลักทรัพย์เอง ที่จะมีความเสี่ยงในการชำระเงินหลังซื้อหลักทรัพย์ของลูกค้า ซึ่งแต่ละบริษัทหลักทรัพย์อาจปรับเปลี่ยนวิธีการวางเงินประกันเพิ่มจากเดิม 15% เป็น 20% เพื่อรองรับปัญหาดังกล่าว