xs
xsm
sm
md
lg

“ทรีนีตี้” ชี้ตลาดหุ้นกุมภาพันธ์มีโอกาสพักฐาน หลังปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“หลักทรัพย์ ทรีนีตี้” คาดกุมภาพันธ์ดัชนีหุ้นไทยอยู่ในช่วงการปรับฐาน หลังปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแรง แนะติดตามสถานการณ์ในต่างประเทสอย่างใกล้ชิด อย่างลงทุนหุ้นเกิน 50% ของพอร์ต ล่าสุด วันนี้ปิดลบแค่ 0.65 จุด เหตุเม็ดเงินต่างแดนยังไหลเข้า คาดปรับตัวขึ้นต่อ

    บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คาดเดือนกุมภาพันธ์ 2556  ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสพักฐานหลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่ 1) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่หากปรับตัวกระโดดสูงขึ้นจะทำให้นักลงทุนขาดทุนในพันธบัตรจนต้องขายหุ้นเพื่อนำไปชดเชยผลขาดทุน (Cover Loss)  2) การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิตาลี ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่อาจตัดสินใจไม่ดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดตามที่เคยตกลงไว้กับ Troika 3) กระบวนการตัดการใช้จ่ายอัตโนมัติของสหรัฐฯ (Sequestration) ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มีนาคม อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้ และ 4) มาตรการชะลอความร้อนแรงของ Fund flow ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาท

    นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่า “แม้ว่าปัจจัยต่างประเทศดังกล่าวอาจจะทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสพักฐาน แต่ยังคงมีปัจจัยบวกที่อาจทำให้ตลาดหุ้นไทยสามารถไปต่อได้เช่นกัน ซึ่งได้แก่ การทำ USD และ JPY carry trade เข้าสู่ตราสารทุนของประเทศเกิดใหม่ รวมถึงประเทศไทย และสภาพคล่องในระบบการเงินโลกที่ยังคงเอ่อล้นจากการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) พร้อมกันของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก”

    “เรามองว่าหุ้นที่จะ Outperform ตลาด ได้แก่หุ้นที่ยังคงปรับตัวขึ้นไม่มาก (Laggard) รวมไปถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานประเทศ หุ้นที่แนะนำสำหรับเดือนกุมภาพันธ์ ได้แก่ 1)  หุ้นกลุ่มสื่อสาร ได้แก่ THCOM 2)  หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ได้แก่ CK, PLE, NWR 3)  หุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ BTS 4) หุ้นที่มีผลกำไรโดดเด่น และไม่ผันผวนตามตลาดมากนัก ได้แก่ PJW, RS, FPI, PRIN, SINGER” คุณวิศิษฐ์กล่าวเสริม

    จากการคาดการณ์ว่าการตลาดหุ้นอาจจะมีโอกาสพักฐาน ในเดือนกุมภาพันธ์  2556 นี้ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ได้ออกบทวิเคราะห์ The Big Picture  แนะนำให้นักลงทุนลดพอร์ตการลงทุนในหุ้นลงเล็กน้อยจากเดือนมกราคม 2556 โดยแบ่งพอร์ตการลงทุนเป็น 3 ประเภท ระยะเวลาการลงทุน 1 เดือน ดังนี้

    1.พอร์ตการลงทุนอนุรักษนิยม แนะนำให้นักลงทุนถือเงินสด 30% ลงทุนในหุ้น 30% ลงทุนในตราสารหนี้ 30% และลงทุนในทองคำ 5% โดยมีหุ้นที่แนะนำในการลงทุน ได้แก่ CPALL ราคาเป้าหมาย 50 บาท ผลตอบแทนคาดหวัง 7% INTUCH ราคาเป้าหมาย 71 บาท ผลตอบแทนคาดหวัง 4% และ  PTTGC ราคาเป้าหมาย 84 บาท  ผลตอบแทนคาดหวัง 5%

    2.  พอร์ตการลงทุนเชิงรุก แนะนำให้นักลงทุนถือเงินสด 10% ลงทุนในหุ้น 50% ลงทุนในตราสารหนี้ 25% และลงทุนในทองคำ 15% ได้แก่ CK ราคาเป้าหมาย 22 บาท ผลตอบแทนคาดหวัง 10% SINGER ราคาเป้าหมาย 22 บาท ผลตอบแทนคาดหวัง 11.1% และ THCOM ราคาเป้าหมาย 27.80 บาท  ผลตอบแทนคาดหวัง 6.4%

    3.  พอร์ตการลงทุนแบบผสม  แนะนำให้นักลงทุนถือเงินสด 20% ลงทุนในหุ้น 40% ลงทุนในตราสารหนี้ 30% และลงทุนในทองคำ 10%  ได้แก่ INTUCH ราคาเป้าหมาย 71 บาท ผลตอบแทนคาดหวัง 4% SINGER ราคาเป้าหมาย 22 บาท  ผลตอบแทนคาดหวัง 11.1% และ CPALL ราคาเป้าหมาย 44.25 บาท  ผลตอบแทนคาดหวัง 7%

    กลยุทธ์การจัดพอร์ตการลงทุนจากบทวิเคราะห์ The Big Picture นี้  ทางฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2553  โดยนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นตามคำแนะนำตามพอร์ตโฟลิโอของ The Big picture ตั้งแต่ต้น จะได้รับผลตอบแทนทั้งหมด 300.1% ในระยะเวลา 31 เดือน เทียบกับ SET Index ที่ +84.9%

    ล่าสุด วันนี้ (5 ก.พ.)  หุ้นไทยปรับตัวลดลง 0.65 จุด ปิดที่  1,505.72 จุด หรือ -0.04% มูลค่าการซื้อขาย 52,956 ล้านบาท โดยเป็นการปรับฐานช่วงสั้นทิศทางเดียวกับภูมิภาค อีกทั้งได้รับแรงกดดันจาก วิกฤตหนี้ยูโรโซน แต่ระยะยาวมองปรับขึ้นต่อจากแรงหนุน Fund Flow และหุ้นบางตัวที่ราคาปรับขึ้นช้ากว่าภาพรวมตลาด แนวโน้มวันพรุ่งนี้ (6 ก.พ.) ดัชนีมีโอกาสฟื้นตัว ถ้าไม่มีวิกฤตหนี้ยูโรโซนเข้ามากดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มเติม พร้อมให้แนวต้าน 1,512 จุด แนวรับ 1,500 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น